"ทนายรณรงค์" พาอินฟลูฯ ดัง แจ้งจับขบวนการบัญชีม้า–บริษัทม้า
"ทนายรณรงค์" พาอินฟลูฯ ดัง แจ้งกองปราบเอาผิดขบวนการบัญชีม้า–บริษัทม้า พัวพันฟอกเงิน–ขู่เอาชีวิต
วันที่ 14 ก.ค.68 นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำ นายเจษฏา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามกว่า 400,000 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองปราบ เพื่อแจ้งความเอาผิดขบวนการเปิดบัญชีม้า–ตั้งบริษัทม้า ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงและพฤติกรรมเข้าข่ายฟอกเงิน โดยมีการพาดพิงถึงผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่รัฐในหลายพื้นที่
นายเจษฏา เปิดเผยว่า หลังจากที่เคยออกมาแถลงข่าวเรื่องบัญชีม้าเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มีบุคคลหลายรายติดต่อเข้ามา ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบจากจังหวัดอุบลราชธานี หัวหน้าสอบสวนในพื้นที่ รวมถึงผู้บังคับบัญชาจากค่ายทหารในจังหวัดปราจีนบุรี โดยบางรายมีท่าทีข่มขู่และพยายามนัดพบเป็นการส่วนตัว จนเจ้าตัวรู้สึกไม่ปลอดภัย และกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม มีตำรวจบางรายถึงขั้นเดินทางมาที่บ้านเพื่อสอบถามข้อมูล แม้บ้านมีแต่ผู้สูงอายุ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับครอบครัวอย่างมาก
ในส่วนของค่ายทหารที่ถูกอ้างถึง ผู้บังคับบัญชาให้ข้อมูลว่า ภรรยาของนายทหารรายหนึ่งที่ถูกพาดพิงนั้นรู้จักกันจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาหากพบว่ามีความผิด โดยหลังจากที่นายเจษฏาออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ฝ่ายของหญิงที่เรียกว่า “คุณนายอ้อน” ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นหัวขบวน กลับระบุว่าจะดำเนินการฟ้องกลับในข้อหาให้ข้อมูลเท็จตนเคยเห็นโทรศัพท์มือถือจำนวนมากอยู่ในรถของคุณนายอ้อน และมีหลักฐานยืนยันว่าเธอสั่งให้เด็กๆ ไปเปิดซิมใหม่โดยใช้บัตรประชาชนของตัวเอง จากนั้นก็ให้ลงทะเบียนเปิดบัญชีและแอปพลิเคชันการเงินต่างๆ แล้วนำโทรศัพท์และซิมทั้งหมดคืนให้คุณนายอ้อน ซึ่งการกระทำลักษณะนี้เอื้อต่อการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย
ทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า ขบวนการนี้ใช้ชื่อบริษัทที่เปิดโดยเด็กและนิสิตนักศึกษามาเป็น “บริษัทม้า” โดยมีคุณนายอ้อนเป็นหัวขบวน ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายที่อนุญาตให้เปิดบริษัทโดยมีผู้ถือหุ้นเพียง 2 คน และมีการจ้างเด็กๆ กว่า 20 คน สลับกันเป็นกรรมการบริษัทร่วมกับอีกคนหนึ่งที่ยืนพื้นเพื่อให้สามารถจดทะเบียนบริษัทได้ หลังเปิดบริษัทเสร็จ ก็จะนำเอกสารไปเปิดบัญชีนิติบุคคล และให้เด็กๆ ใช้โทรศัพท์และซิมที่เตรียมไว้เปิดบัญชีต่างๆ จากนั้นบริษัทจะนำโทรศัพท์กลับและหากเด็กมีปัญหาจะถูกกล่าวหาว่าขโมยโทรศัพท์ ทั้งหมดเป็นแผนลวงที่แยบยลและมีเป้าหมายใช้บัญชีในการหมุนเงิน
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและข้าราชการในหลายจังหวัด จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่กองบัญชาการสอบสวนกลาง เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในเรื่องธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมาย พร้อมทั้งร้องขอให้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และให้กระทรวงพาณิชย์เข้าตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวข้องว่าได้จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่
นายเจษฏา กล่าวยอมรับว่า ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง และพร้อมให้ความร่วมมือในการเปิดโปงขบวนการนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบและยุติขบวนการทุจริตที่มีเหยื่อเป็นเยาวชนจำนวนมากทั่วประเทศ