กองทัพไทย สรุปไทม์ไลน์เหตุปะทะ 30 ก.ค. กัมพูชาไม่หยุดยิง พบเพิ่มกำลัง 4 พื้นที่
กองทัพไทย สรุปไทม์ไลน์เหตุปะทะ 30 ก.ค. กัมพูชาไม่หยุดยิง พบเพิ่มกำลัง 4 พื้นที่
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม เพจ กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters สรุป บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า
ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้
สถานการณ์การสู้รบ แม้มีการเจรจาหยุดยิงในคืนวันที่ 29 ก.ค. 68 แต่ยังคงเกิดเหตุการณ์คุกคามจากกำลังกัมพูชาใน 4 พื้นที่ ได้แก่
- ช่องคานม้า และภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ : ตรวจพบการเพิ่มกำลังของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งใช้โดรนบินตรวจการณ์ และในช่วงกลางดึกเกิดการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็ก
- ผามออีแดง : กำลังกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุน โดยใช้เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 100 มม. (ค.100) ยิงใส่ฐานฝ่ายไทย แต่ไม่มีการตอบโต้ (ปลอดภัย)
- ปราสาทตาเมือนธม – ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ : ตรวจพบการเพิ่มกำลังของฝ่ายกัมพูชา
- วันที่ 30 ก.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยทูตฝ่ายกัมพูชา ได้นำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ และสื่อมวลชนเดินทางมายังจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีได้ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการนำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่อันตรายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก
เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้ออกแถลงการณ์เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา จากข้อตกลงร่วมกันในการหยุดยิงตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 68 โดยฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด ด้วยการระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดสันติภาพระหว่างสองประเทศ แต่พบว่าฝ่ายกัมพูชา ได้กระทำการละเมิดข้อตกลงในวันที่ 29–30 ก.ค. 68 ในพื้นที่ต่อไปนี้
ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 29 ก.ค. 68 เวลา 21.30 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กยิงใส่แนวกำลังไทย ทำให้เกิดการปะทะต่อเนื่องถึงเวลา 22.00 น.
เขาพระวิหาร – ภูมะเขือ / ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 29 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามหลักสากลเพื่อป้องกันตนเอง โดยการยิงดำเนินต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 30 ก.ค. 68
ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 30 ก.ค. 68 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างชัดเจน
กองทัพบกขอประณามการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการตามหลักสันติภาพ ความอดกลั้น และหลักมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ หากยังมีการละเมิดต่อเนื่อง ไทยจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมอย่างเด็ดขาด
สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568)
1. พลเรือน
เสียชีวิต: 16 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 12 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
รวมทั้งสิ้น: 54 ราย
2. ทหาร
เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 177 นาย
รวมทั้งสิ้น: 192 นาย
สถานการณ์อพยพ
มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 149,264 คน ดังนี้:
- อุบลราชธานี: 22,768 คน
- ศรีสะเกษ: 54,819 คน
- สุรินทร์: 54,754 คน
- บุรีรัมย์: 15,039 คน
- ตราด: – คน
- สระแก้ว: 1,678 คน
- จันทบุรี: 206 คน
ภารกิจช่วยเหลือประชาชน
โดยจิตอาสาพระราชทานใน 4 จังหวัดหลัก ได้แก่
จิตอาสา 904: 129 นาย
จิตอาสาประชาชน: 2,660 คน
รด.จิตอาสา: 222 นาย
กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากการที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย พร้อมทั้งขอประณามการใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กองทัพไทย สรุปไทม์ไลน์เหตุปะทะ 30 ก.ค. กัมพูชาไม่หยุดยิง พบเพิ่มกำลัง 4 พื้นที่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th