“สุริยะ”เผยแจงข้อมูลฯครบแล้ว รถไฟทางคู่เฟส 2 จ่อชงบอร์ดสศช. ก.ย.นี้
"สุริยะ"เผยแจงข้อมูลครบแล้ว รถไฟทางคู่เฟส2จำนวน6เส้นทาง1,249กม.มูลค่ารวมกว่า2.9แสนล้าน พร้อมชงบอร์ดสภาพัฒน์ฯเคาะลงทุนต้นก.ย.นี้ ก่อนเสนอ ครม. เติมเต็มโครงข่ายทางราง ลดต้นทุนโลจิสติกส์
นายสุริยะจึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่2จำนวน6เส้นทางระยะทางรวม1,249กิโลเมตร(กม.)มูลค่ารวมประมาณ297,924ล้านบาทว่าที่ผ่านมารฟท.ได้ชี้แจงข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์ฯ)เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติครบถ้วนแล้ว โดยจากที่มีการหารือกับรองเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้ข้อสรุปร่วมกัน แล้ว และจะนำเสนอที่ประชุมบอร์ดสภาพัฒนฯ์ได้ในต้นเดือนก.ย. 2568
ขณะที่ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ได้ให้ความเห็นมาแล้ว ดังนั้นหลังจาก บอร์สภาพัฒน์ฯให้ความเห็นชอบ กระทรวงคมนาคมจะรวบรวมความเห็น และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)8203; พิจารณาต่อไป น่าจะส่งไปครม.ได้ในเดือนก.ย.2568
รฟท.ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่2จำนวน6เส้นทางออกเป็น3กลุ่มได้แก่กลุ่ม1ความสำคัญอันดับต้นจำนวน3เส้นทางคือเส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลาระยะทาง321กม.วงเงิน66,270ล้านบาท,เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัยระยะทาง218กม.วงเงินประมาณ81,143ล้านบาท,เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานีระยะทาง168กม.วงเงินประมาณ30,422ล้านบาท
กลุ่ม2ความสำคัญอันดับกลางจำนวน2เส้นทางคือเส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานีระยะทาง308กม.วงเงินประมาณ44,095ล้านบาท,เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ระยะทาง189กม.วงเงินประมาณ68,222ล้านบาท
และกลุ่ม3ความสำคัญอันดับท้ายคือหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ระยะทาง45กม.วงเงินประมาณ7,772ล้านบาท
การจัดลำดับความสำคัญเป็นไปตามตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ฯโดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก5ด้านคือความต้องการขนส่งผู้โดยสาร,ความต้องการขนส่งสินค้า,ความจุทาง,เศรษฐศาสตร์และการเงิน,และยุทธศาสตร์และนโยบายรวมถึงปัจจัยรองอีก11ด้านเช่นข้อมูลผลการคาดการ์จำนวนผู้โดยสาร,ข้อมูลสถิติผู้โดยสารปัจจุบัน,ข้อมูลผลการคาดการณ์ปริมาณสินค้า,การเชื่อมโยงโครงข่ายภายในประเทศและระหว่างประเทศ,ความพร้อมในการดำเนินโครงการเป็นต้น
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2มีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าจากทางถนนมาสู่ทางรางนอกจากนี้ยังจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงได้ถึง30%เนื่องจากไม่ต้องรอหลีกขบวนรถทำให้ขบวนรถตรงต่อเวลามากขึ้นพร้อมทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศเป็นโครงการที่จะยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)ได้อย่างแท้จริง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO