ธปท.สั่งแบงก์คุม "โอนเงิน-ชำระเงิน" ไม่เกิน 5 หมื่น/วัน บล็อคมิจฉาชีพหลอก
ธปท. เปิดยอดถูกหลอกผ่านมิจฉาชีพยังพุ่ง เตรียมคลอดมาตรการลดความเสียหายจากการถูกหลอก กำชับแบงก์กำหนดการโอนเงิน หรือ ชำระเงินขั้นต่ำไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อวัน
วันที่ 20 สิงหาคม 2568 นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงิน และคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ด้วยแนวโน้มการถูกมิจฉาชีพ หรือแก็งคอลเซนเตอร์ หลอกลวงให้โอนเงินต่างๆ ยังอยู่ระดับสูง ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายจากการที่ประชาชนถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ในการหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีม้า ซึ่งมาตรการที่ ธปท.จะทำในระยะข้างหน้าคือ การจำกัดความเสียหายจากการโอนเงิน ก่อนที่เหยื่อหรือผู้โอนจะรู้ตัว โดย ธปท.จะออกมาตรการ การจำกัดวงเงินการโอนเงิน หรือการชำระเงิน ได้แก่ 1. จำกัดไม่ให้มิจฉาชีพสามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ครั้งละจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้เร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะกักเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทัน
และ 2. จำกัดความเสียหายของประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมิจฉาชีพ โดยธนาคารจะพิจารณากำหนดวงเงินการโอน และชำระเงินต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยง และพฤติกรรมการทำธุรกรรมในอดีตของลูกค้า โดยวงเงินเริ่มต้นอยู่ที่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน ซึ่งการจำกัดการโอนเงิน และการชำระเงินนั้น จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่นอายุเกิน 65 ปี และอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่จะจำกัดการโอนเงิน เพื่อช่วยปกป้องไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หรือเมื่อตกเป็นเหยื่อ และมีการโอนเงินออกไปแล้ว ไม่ให้เสียหายมากเกินไป
ทั้งนี้การจำกัดหรือกำหนดการโอนเงิน หรือชำระเงินต่อวันลดลง สำหรับลูกค้าบางคน จะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และการทำธุรกรรมของลูกค้าแต่ละคนด้วย และการจะไปกำหนดวงเงินไม่ให้ออกจากบัญชีเกิน 5 หมื่นบาท เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่แบงก์ต้องดูตามความเหมาะสม เช่น หากเป็นลูกค้าที่ไม่เคยเปิดบัญชีมาก่อน กลุ่มนี้แบงก์อาจกำหนดการโอนเงินขั้นต่ำไว้ก่อนที่ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อวันสำหรับทุกกลุ่ม แต่หากเขาใช้ไปสักพัก และแบงก์มองว่าเป็นลูกค้าปกติ อาจให้กลุ่มนี้ออกจากกลุ่มเสี่ยงที่ต้องสงสัยได้ แล้วอาจกำหนดวงเงินขึ้นไปเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลดวงเงินการโอนเงินนั้น ธนาคารจะเป็นผู้แจ้งให้กับลูกค้ารับทราบล่วงหน้า ซึ่งการกำหนดวงเงินการโอน และชำระเงินจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแบงก์ที่จะพิจารณา โดยดูจากพฤติกรรม และการทำธุรกรรมการเงินในอดีต
ทั้งนี้ ธปท.ก็ตระหนักว่าธุรกรรมดังกล่าว อาจกระทบต่อการทำธุรกรรมสำหรับลูกค้าบางคน หรือบางกลุ่มได้ ดังนั้นการกำหนดวงเงินการโอนเงิน จะขึ้นอยู่การพิจารณาของแบงก์ โดยดูจากพฤติกรรม และธุรกรรมการเงินในอดีตร่วมด้วย ซึ่งหากเป็นคนที่เคยโอนเงินปกติในระดับดังกล่าว แบงก์ก็อาจขยายวงเงินการโอนเงินเพิ่มขึ้นได้ โดยอาจไม่ต้องโทรศัพท์หาคอลเซนเตอร์ หรือขอเอกสารเพิ่มเติม แต่บางกลุ่มที่ต้องการขยายวงเงินจากวงเงินขั้นต่ำที่กำหนด อาจต้องมีการติดต่อคอลเซนเตอร์เพื่อขยายวงเงินชั่วคราว หรือแบงก์อาจขอเอกสารเพิ่มเติม ถึงความจำเป็นในการโอนเงินได้
“มาตรการนี้เราก็ตระหนัก และไม่ให้กระทบลูกค้าดีมากเกินไป ดังนั้น ธปท.จึงกำหนดมาตรการดังกล่าวสำหรับลูกค้าปัจจุบันภายในสิ้นปี 2568 แต่สำหรับลูกค้าใหม่ มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ทันที เพื่อคุ้มครองลูกค้าได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ทั้งหมดนี้หากธนาคารใดมีความพร้อมสามารถดำเนินมาตรการดังกล่าวได้ทันที"
สำหรับแนวโน้มการถูกทุจริตการเงิน พบว่า ความเสียหายจากการถูกหลอกโอนเงินยังอยู่ระดับสูง โดยยังไม่ได้ลดลงหากเทียบกับอดีต โดยเฉพาะการถูกหลอกให้โอนเงินให้มิจฉาชีพเอง ที่พบว่าความเสียหาย ในไตรมาสที่ 2 ยังอยู่ระดับสูงที่ 6,000 ล้านบาท เฉลี่ย 2,000 ล้านต่อเดือน ลดลงจากไตรมาส 2/2567 มีมูลค่าความเสียหาย 8,590 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ณ เดือนกรกฎาคม 2568 สามารถระงับบัญชี 3 ล้านบัญชี คิดเป็นรายชื่อม้า 1.77 แสนรายชื่อ ทั้งนี้หากดูข้อมูลความเสียหายจากการหลอกลวงในเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวนความเสียหาย 24,500 เคส ความเสียหายรวม 2,800 ล้านบาท เฉลี่ย 114,000 บาทต่อเคส โดยยอดโอนเงินสูงสุดอยู่ที่ 4.9 ล้านบาท และหากดูธุรกรรมที่เหยื่อโอนเข้าบัญชีม้ามูลค่าสูงกว่า 5 หมื่นบาท โอนเงินภายใน 3 นาที ประมาณ 50% ของมูลค่าความเสียหาย โดยที่เหยื่อจะแจ้งข้อมูลเข้าระบบภายใน 19-25 ชั่วโมง