Afterburner: บอกทิศทาง ‘ผี-ปืน’ ซีซันนี้แค่ไหน?
ไม่ใช่ทุกฤดูกาลที่เราจะได้นั่งดูเกมบิ๊กแมตช์กันตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ด้วยเหตุผลนี้ทำให้การพบกันระหว่างคู่ปรับเก่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอลจึงได้รับการจับตามองอย่างมาก
ทีมหนึ่งหวังจะกลับมาคืนชีพในฐานะสุดยอดทีมของประเทศอีกครั้ง ขณะที่อีกทีมก็หวังว่าจะไปถึงปลายทางแห่งความสำเร็จเสียทีหลังจากที่ก่อร่างสร้างตัวกันมายาวนานกว่า 5 ปีโดยที่มีความสำเร็จน้อยเกินไป
ไหนจะการเสริมทัพขนาดใหญ่ของสองทีม โดยแมนฯ ยูไนเต็ด ลงทุนรื้อแผงกองหน้ายกเซ็ตด้วยผู้เล่นชื่อชั้นดีอย่าง มาเธอุส คุนญา, ไบรอัน เอ็มโบโม และเบนจามิน เซสโก ขณะที่อาร์เซนอลก็ได้ตัวที่ต้องการอย่าง วิคเตอร์ ยอเคอเรส, มาร์ติน ซูบิเมนดี รวมถึงกำลังเสริมอย่างโนนี มาดูเอเก
ผลนั้นทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอาร์เซนอลเป็นฝ่ายบุกมาเอาชนะได้ 1-0 แต่ถ้าถามว่าเรามองเห็นอะไรจากเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนนี้บ้าง?
มาลองดูกัน!
ความประทับใจอย่างแรกคือพิธีการรำลึกถึงการจากไปของ ดีโอโก โชตา หัวหอกของทีมลิเวอร์พูลและอังเดร ซิลวา น้องชายที่จากไปอย่างไม่ทันให้ใครได้ทำใจในประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งแม้จะแข่งขันกันในสนามแต่ทั้งแมนฯ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอลก็พร้อมใจกันให้เกียรติแก่ผู้วายชนม์อย่างยิ่งใหญ่
สภาพสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดเองก็ยังคงสวยงามเหมือนเดิม และเสียงเชียร์ของเหล่าสาวกกองพันอสูรแดง “Red Army” ที่ดังกระหึ่มเพื่อปลุกใจนักเตะทุกคนให้พยายามเริ่มต้นใหม่ให้ดีในฤดูกาลใหม่ หลังจากที่ต้องเจอกับฤดูกาลที่ยับเยินที่สุดในรอบหลายสิบปีในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เพียงแต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาหวัง
1. ศาสตร์มืดตลอดไป
ในฤดูกาลนี้พรีเมียร์ลีกมีการอัพเดตแพตช์กฎ-กติกา-มารยาทใหม่ ซึ่งหนึ่งในรายละเอียดที่ถูกจับตามองคือกฎในเรื่องของการป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเข้าไปมีส่วนขัดขวางการเล่นของผู้รักษาประตูในกรอบเขตโทษ
เรื่องนี้เรียกกันง่ายๆว่า “วิชาต่อต้านศาสตร์มืด” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทีเด็ดที่ได้ผลตลอดกาลของอาร์เซนอล ซึ่งทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำจากลูกเซ็ตเพลย์ต่างๆด้วยการใช้ผู้เล่นเข้าไปปั่นป่วนสมาธิหรือรบกวนการเล่นของผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม
ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าทีมกันเนอร์น่าจะได้รับผลกระทบแน่จากเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม!
แค่ต้นเกมกับจังหวะเตะมุมหนแรกของอาร์เซอนล พวกเขาก็ได้ประตูขึ้นนำแบบง่ายๆทันทีเมื่อเดแคลน ไรซ์ เปิดลูกเตะมุมเข้ามาตรงกลางประตูแล้วอัลตาย บายินดีร์ ผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นชกบอลพลาดไปเข้าทางริคคาร์โด คาลาฟิออรี เก็บส้มหล่นโขกเข้าไปสบายๆ
จังหวะนี้มีการประท้วงว่าบายินดีร์ถูกรบกวนการเล่นจากการที่วิลเลียม ซาลิบาเข้ามาเบียด (ซึ่งจากภาพช้ามีการใช้แขนดันแขนของผู้รักษาประตูรวมถึงดึงเสื้อของเมสัน เมาต์ด้วย) แต่ผู้ตัดสินทั้งในสนามและผู้ตัดสิน VAR ยืนยันว่าไม่มีปัญหา
ปัญหาก็คือแบบนี้แปลว่าการตีความในการรบกวนผู้รักษาประตูยังคงมีความคลุมเครือต่อไปใช่ไหม?
สำหรับอาร์เซนอลพวกเขาไม่สนใจอะไร ในเมื่อยังเป็นวิธีการเล่นที่ได้ผลดีเสมอ โดยเฉพาะกับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่พวกเขาได้ประตูจากลูกเตะมุม 5 จาก 6 นัดหลังสุดเลยทีเดียว
ส่วนบายินดีร์นั้น รูเบน อโมริม ไม่ได้ตำหนิอะไรมากมายแต่แค่บอกว่า “ควรจะใช้แขนไปรับบอลมากกว่าจะเสียสมาธิไปกับการกันผู้เล่นคนอื่น”
2. ปีศาจแดงโฉมใหม่ไฉไลขึ้น
ประตูโทนของคาลาฟิออรี นำ 3 คะแนนมาให้กับอาร์เซนอลได้ก็จริง แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมตลอดทั้งเกมสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก ชนิดที่ยืนปรบมือให้ได้เลยต่อให้ไม่ได้เป็นกองเชียร์ปีศาจแดงก็ตาม
นั่นเพราะตลอดทั้งเกมพวกเขาแสดงให้เห็นถึงขั้นต่ำที่สุดคือเรื่องของความมุ่งมั่น พยายามที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาให้ได้ การเล่นที่เร่าร้อนมันทัชใจกองเชียร์ในโรงละครแห่งความฝันทุกคนที่พยายามส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันเป็นการตอบแทน
มากกว่าแค่เรื่องของใจ ดูเหมือนอโมริมจะเริ่มทำให้ลูกทีมเข้าใจแล้วถึงวิธีการเล่นในแบบ 3-4-2-1 ที่เขาต้องการโดยเฉพาะคู่เลข “2” อย่างคุนญาและเอ็มโบโม ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมถึงต้องยอมทุ่มเงินมหาศาลร่วม 130 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวมาร่วมทีมให้ได้
คุนญา มีการเล่นที่คาดเดาไม่ได้ ขณะที่เอ็มโบโม สร้างความอันตรายได้ต่อเนื่อง และสองคนนี้เป็นเหมือนตัว “เข็มหมุด” ที่ทั้งปักแนวรับของอาร์เซนอลไว้และเป็นที่พักพิงของเพื่อนร่วมทีม ทำให้เกมรุกมีจุดหมายในการเล่นว่าจะทำอะไรต่อไป การเล่นมีแบบแผนน่าประทับใจ
แกรี เนวิลล์ ตำนานผู้ผันตัวเป็นคอมเมนเตเตอร์ยืนยันว่าถ้าเล่นได้ในระดับนี้ พวกเขาจะทำได้ดีแน่นอนในฤดูกาลนี้
3. ปืนใหญ่ลำกล้องขัด
ด้านตรงข้ามของแมนฯ ยูไนเต็ด คือเรื่องฟอร์มการเล่นที่ดูไม่น่าประทับใจเท่าไรสำหรับลูกทีมของมิเคล อาร์เตตา ที่เล่นกันได้ค่อนข้างหนืด ฝืด และเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย
มาร์ติน โอเดอการ์ด สร้างเกมรุกได้แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น ขณะที่ความหวังอย่างบูกาโย ซากา ถูกจับตายแทบทำอะไรไม่ได้เลย ผู้เล่นสนับสนุนริมเส้นอย่างคาลาฟิออรี และเบน ไวต์ ก็ไม่ได้ทำให้เกมรุกทางกราบอันตรายอะไรเลย
ซูบิเมนดี ห้องเครื่องชาวสเปนยังจับจังหวะการเล่นร่วมกับไรซ์ และโอเดอการ์ดในแดนกลางได้ไม่ถนัดนัก และทำให้ทีมต้องเผชิญกับความกดดันในเกมรับค่อนข้างสูง ซึ่งแนวรับเองก็มีจังหวะผิดพลาดอยู่เหมือนกันแต่ดีที่งานยังไม่เข้าและเอาตัวรอดกันมาได้
จุดหนึ่งที่มีการพูดถึงคือวิธีการเล่นของทีมกันเนอร์สที่พยายามจะเล่นเร็วในแบบ Transitional play แต่ปัญหาคือพวกเขายังขาดความแม่นยำทำให้อย่าว่าแต่ประสิทธิภาพประสิทธิผลเลย ความวูบวาบอันตรายก็น้อยเกินไป
ข้อดีอย่างเดียวคือเมื่อมีโอกาสแล้วคว้าเอาไว้ได้ และการชนะในวันที่เล่นได้ไม่ดี (อย่าลืมสินี่เป็นการเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ดนะ) ก็เป็นเรื่องที่ดีในตัวเช่นกัน
4. ยอเคอเรส เซสโก แลกทีมกันไหม?
ไฮไลต์ที่ทุกคนจับตามองก่อนเกมคือการดวลกันระหว่าง เซสโก กับยอเคอเรส สองศูนย์หน้าพระกาฬใหม่เอี่ยมถอดด้ามของทั้งสองทีม
แต่ปรากฏว่าทั้งสองไม่ได้ทำอะไรเลยตลอดทั้งเกม!
ยอเคอเรส มีโอกาสลงก่อนในฐานะตัวจริงของอาร์เซนอลแต่ไม่สามารถทำอะไรให้กับทีมได้เลย พักบอลไม่ได้ พาบอลไปเองไม่ได้ สร้างโอกาสไม่ได้ จ่ายผิดเปิดพลาดไปหมด และแน่นอนว่าไม่มีจังหวะได้ง้างเท้าเลย
ขณะที่เซสโกก็พอๆกัน ได้บอลน้อยมากจนเหงาแทน
คำถามที่น่าสนใจคือจริงๆ แล้วสองคนนี้ควรจะสลับทีมกันอยู่ไหม เพราะอย่าลืมว่าเดิมทีอาร์เซนอลอยากได้เซสโก ซึ่งน่าจะเหมาะกับพวกเขามากกว่าด้วยสไตล์การเล่นแบบครบเครื่อง พักบอลได้ เชื่อมเกมได้ และสูงใหญ่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ที่น่าจะดีหากได้บอลเปิดมาจากซากา, ไรซ์ หรือมาร์ติเนลลีทางริมเส้น
ส่วนแมนฯ ยู เคยอยากได้ยอเคอเรสเหมือนกันแต่สุดท้ายกลับมาได้เซสโกมาร่วมทีมทั้งๆ ที่ทีมมีปัญหาในเรื่องของการสร้างเกมทางริมเส้นที่ไม่สามารถสร้างโอกาสให้ศูนย์หน้าได้มากนัก ซึ่งเห็นได้จากในเกมนี้ที่กองหน้าสโลวีเนียลงมาแล้วแต่ไม่มีใครเปิดบอลให้เลย เรียกว่าไม่ได้ใช้จุดเด่นให้เป็นประโยชน์
ก็เลยชวนคิดกันเล่นๆว่าจริงๆสองคนนี้ควรจะแลกทีมกันอยู่ไหม?
5. อนาคตยังมีหวัง
ก่อนจะคิดไปไกล ย้ำกันอีกรอบว่าเกมนี้เป็นแค่นัดแรกเท่านั้น ไม่สามารถตัดสินอะไรได้
แต่ถ้าถามว่าแล้วคิดว่าแนวโน้มในอนาคตของสองทีมนี้จะเป็นอย่างไร?
สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด มองเห็นแววตั้งแต่ช่วงพรีซีซันแล้วว่าน่าจะดีขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้วได้ไม่ยาก ทีมดูดีขึ้นในแทบทุกจุด เป็นทรงขึ้น เป็นทีมขึ้น และดูมีความหวังกับการเล่นมากขึ้น เพียงแต่จะต้องเรียกความมั่นใจให้ได้บ่อยๆ ผ่านการเก็บชัยชนะไม่ว่าจะเกมเล็กหรือเกมใหญ่
โดยเฉพาะ 3 ประสานกองหน้าชุดใหม่ ต้องหาทางใช้งานให้ได้เต็มประสิทธิภาพทุกคน
อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่าโปรแกรม 10 นัดแรกของพวกเขาโหดมาก ถ้าอยากเห็นอโมริมทำทีมอยู่ต่อนาน ๆ (เจ้าตัวบอกอยากอยู่ 20 ปี) อย่างน้อยก็ต้องเก็บชัยชนะให้ได้
ส่วนอาร์เซนอล ต่อให้เกมนี้เล่นไม่ดีพวกเขาก็ยังมีมาตรฐานของตัวเองในระดับที่สูง การบุกมาเก็บแต้มจากโอลด์ แทรฟฟอร์ดไม่เคยง่ายโดยเฉพาะสำหรับทีมใหญ่ ในเรื่องความไม่เข้ากันทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะของผู้เล่นใหม่ หรือผู้เล่นเก่ากับวิธีการเล่นใหม่เป็นสิ่งที่ปรับปรุงพัฒนาได้
โดยเฉพาะยอเคอเรส ที่ตอนนี้อาจจะเป็นมีมให้ล้อในเรื่องของการเสยผม แต่ถ้าอาร์เตตาตีโจทย์แตกเมื่อไร กองหน้าสวีดิชคนนี้มีโอกาสเป็นลูกระเบิดเคลื่อนที่ได้ของกันเนอร์สอย่างแน่นอน
ดังนั้นยังเชื่อว่าอาร์เซนอลน่าจะมีลุ้นแชมป์เต็มตัวเหมือนเดิม เพียงแต่ต้องพยายามเล่นให้ดีขึ้นกว่านี้ ซึ่งถ้านักเตะใหม่เริ่มปรับตัวได้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นไม่ยากและอาจจะในเวลาอันรวดเร็วด้วย