Headline เมื่อ "คิงส์คัพ" ปักหมุดประวัติศาสตร์เมืองกาญจน์?
ปฏิทินดังกล่าวทำให้นักเตะจากสโมสรต่างๆ ต้องโบกมือลาเพื่อนร่วมทีมชั่วครู่ เพื่อกลับไปสวมชุดเกราะของชาติในภารกิจรับใช้แผ่นดินเกิด
และสำหรับคนไทยแล้ว ภารกิจครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งกว่าที่เคย เพราะเรากำลังจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายฟุตบอลระดับชาติถึงถิ่น โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 51 ซึ่งมีจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง กาญจนบุรี เป็นเจ้าภาพ
จากคำครหา? สู่การพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์!!
ย้อนกลับไปในวันที่ข่าวการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลคิงส์คัพของ จังหวัดกาญจนบุรี ถูกประกาศออกไป เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระงม ดุจพายุฝนที่ถาโถมเข้าใส่
แฟนบอลหลายคนตั้งคำถามถึงความพร้อมของเมืองแห่งนี้ เมืองที่ไม่เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติมาก่อน สนามจะพร้อมไหม? หญ้าจะสวยหรือเปล่า? สิ่งอำนวยความสะดวกจะทันหรือไม่? ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นระทึก
แต่เมื่อใกล้ถึงวันเปิดฉาก ทุกเสียงสงสัยก็ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเสียงชื่นชม กาญจนบุรีพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ สนามกลีบบัว ที่เคยเป็นเพียงสนามกีฬาท้องถิ่น ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสังเวียนแข้งที่สมบูรณ์แบบ
ทั้งสนามหญ้าที่เรียบเนียนดุจพรมกำมะหยี่ ไปจนถึงสนามซ้อมที่เตรียมไว้ถึง 4 แห่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ครบครันเกินคาด
เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้กับการทำงานอย่างหนักของ นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ที่ไม่เพียงแต่สั่งการ แต่ยังลงมาดูงานด้วยตนเองในทุกวัน
ทุกรายละเอียดของการเตรียมงานถูกตรวจสอบ และแก้ไขอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้แน่ใจว่าการเป็น "เจ้าภาพครั้งแรก" นี้จะสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น และความทุ่มเทของทีมงานและผู้เกี่ยวข้อง กาญจนบุรี จึงพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักเตะจาก 4 ชาติ และแฟนบอลชาวไทย ด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
การมาของฟุตบอลคิงส์คัพ ไม่ได้มีผลเพียงแค่การยกระดับสนามกีฬา แต่ยังปลุกกระแสความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนังให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในเมืองกาญจน์
ด้วยอานิสงส์ของการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลระดับชาติผนวกกับความสำเร็จของทีม พลังกาญจน์ เอฟซี ที่สร้างประวัติศาสตร์เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ได้ส่งผลให้เยาวชนในจังหวัดหันมาสนใจกีฬาฟุตบอลเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ การคัดเลือกนักฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของสโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี ที่มีเยาวชนหลั่งไหลเข้ามาทดสอบฝีเท้าเกือบครึ่งพันชีวิต นี่คือสัญญาณที่ดี และเป็นนิมิตหมายอันน่าชื่นชม ที่แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลกำลังสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโอกาสให้แก่เด็กๆ ในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
เท่านั้นไม่พอครับ มากกว่าแค่เกมกีฬา คือการปลุกเศรษฐกิจและท่องเที่ยว เพราะการนำฟุตบอลระดับชาติไปจัดตามต่างจังหวัด ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการฟุตบอลไทย เราเคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาแล้วในหลายที่ เช่น เชียงใหม่, ศรีสะเกษ หรือสงขลา
และทุกครั้งก็พิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและจับต้องได้ เพราะมันคือการเปิดโอกาสให้แฟนบอลในต่างจังหวัด ที่อาจไม่มีโอกาสได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้สัมผัสกับบรรยากาศการเชียร์ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย อย่างใกล้ชิดถึงหน้าบ้าน
นอกจากมิติทางด้านกีฬาแล้ว การเป็นเจ้าภาพคิงส์คัพครั้งนี้ ยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ กาญจนบุรี อย่างปฏิเสธไม่ได้
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อชมการแข่งขันต่างก็ใช้จ่ายเพื่อซื้อของที่ระลึก ทานอาหารท้องถิ่น หรือเข้าพักในโรงแรม เงินที่หมุนเวียนเหล่านี้จะถูกส่งต่อถึงผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง และช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนได้อย่างดีนักแล
เรียนตามตรงครับว่า กาญจนบุรีไม่ใช่แค่เมืองแห่งสนามฟุตบอล แต่ยังเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ
ด้วยคำขวัญที่ว่า "เมืองขุนแผน แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่ น้ำตก มรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร" เมืองนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สวยงาม
ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควอันเลื่องชื่อ หรือน้ำตกเอราวัณที่งดงามราวภาพวาด ดังนั้น นอกจากการชมเกมในสนามแล้ว ผมการันตีได้เลยว่า แฟนบอลไทยหลายท่านยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการสำรวจความงามของ เมืองกาญจน์ ได้อย่างเต็มที่
จากความกังวลในวันวาน … สู่ความพร้อมที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้
กาญจนบุรี ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะเจ้าภาพฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 อย่างสมศักดิ์ศรี นี่จะเป็นการแข่งขันที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน ความประทับใจ
และแน่นอนว่าจะเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลชาวไทยจะไม่มีวันลืม!!
ป.ล. สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หวังจะเห็นสีสันข้างสนาม อาจต้องเสียดายนิดหน่อยครับ เพราะ "คิงส์คัพ 2025" ครั้งนี้จะไร้เงา "เฌอแตม" พิมพ์ชนก กิจธรรมกูลนิจ ลูกสาวคนสวยของนายก อบจ.เมืองกาญจน์ เนื่องจากเธออยู่ระหว่างการศึกษาต่อที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่เชื่อว่าความสนุก และความมันส์ในสนาม ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเต็มอิ่มได้อย่างแน่นอนครับ
กอล์ฟเบนเทเก้