โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คลื่นปฏิวัติวงการแบงก์ จ่อลดพนักงาน 30% ใน 5ปี หนีตายยุคดิจิทัล

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 31 ส.ค. เวลา 21.42 น. • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

สร้างแรงกระเพื่อมในวงการธนาคารพาณิชย์อีกครั้ง เมื่อธนาคาร กสิกรไทย(KBANK) จัดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ที่มีลักษณะเป็นการเฉพาะคราว ภายในปี 2568 ภายใต้ชื่อว่า โครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” เพื่อให้โอกาสแก่พนักงานในการเปลี่ยนอาชีพที่เหมาะสมแก่ตนเองยิ่งกว่า

ทั้งนี้ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)พบว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ(28แห่ง) ไตรมาส2 ปี2568 มีจำนวนรวม 42,698 ล้านบาท ลดลง 1,091ล้านบาทหรือ 2.5% จากไตรมาส 1 อยู่ที่ 43,789 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 844 ล้านบาทหรือ 2.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี2567 อยู่ที่ 41,854 ล้านบาท

ขณะที่พนักงานมีจำนวน 123,378คน ลดลง 929คนหรือ 0.74% จากไตรมาส1 อยู่ที่ 124,307 คนและลดลง 3,142 คนหรือ 2.50% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีพนักงาน 126,553 คน

หากย้อนหลังช่วง 5ปีที่ผ่านมา (ปี2562-2567) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานธนาคาพาณิชย์ปรับลดลงต่อเนื่องต่อเนื่อง โดยณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 170,004 ล้านบาท ลดลง 5,063 ล้านบาทหรือ 2.89% จาก 175,067 ล้านบาทเทียบกับสิ้นปี 2562

ขณะที่จำนวนพนักงานสิ้นปี 2567 มีจำนวน 126,742 คน ลดลง 23,726 คน หรือคิดเป็นการลดลงในอัตรา 15.76% เทียบจาก 150,468 คน เมื่อสิ้นปี 2562

แหล่งข่าวระดับสูงจากสถาบันการเงินเปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ความพยายามปรับลดต้นทุนหรือปรับโครงสร้างของธนาคารในระบบเป็นการตอบโจทย์ที่ท้าทาย 3เรื่องคือ

  • ใน 2-3ปีข้างหน้า แนวโน้มรายได้และกำไรของธนาคารต้องลดลงแน่นอน เพราะทิศทางดอกเบี้ย ขาลงและอุตสาหกรรมธนาคารจะล้อไปกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งสัญญาณหนี้เอ็นพีแอลยังทยอยเพิ่มและผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ
  • ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาหรือ Virtual BANK ที่กำลังจะมา 3ราย ก็เป็นตัวเร่งให้ธนาคารในระบบต้องปรับตัวอย่างเข้มข้นขึ้น รวมถึงลดต้นทุนให้เร็วขึ้นและปรับโครงสร้าง เพื่อรองรับกับการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาทุกธนาคารก็ไม่จ้างคนใหม่เพิ่ม ถ้าไม่จำเป็น
  • โครงการ “Your Data” ซึ่ง ธปท.ผลักดันให้ผู้ใช้บริการที่อยู่นอกภาคการเงินสามารถแชร์ข้อมูลหรือใช้สิทธิส่งข้อมูลในช่วงครึ่งหลังของปี2569 โดยตอนนี้เป็นการแชร์ข้อมูลระหว่างธนาคาร ซึ่งมีการคิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อยแต่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์

“ตอนนี้กลุ่มแบงก์ สามารถแชร์ KYC กรณีต้องการเปิดบัญชีกับแบงก์ B แต่เดิมมีข้อมูลอยู่กับแบงก์ Aแล้ว ซึ่งทางแบงก์B จะขอยืม KYC ของแบงก์ A เพื่อเปิดบัญชีหรือเปิดแอปกับแบงก์ B โดยลูกค้าสามารถให้ความยินยอมหรือ Consent เพื่อนำข้อมูลจากอีกแบงก์ ซึ่งนอกเหนือจากประวัติทางการเงินแล้ว ยังรวมถึงข้อมูลการการใช้น้ำใช้ไฟหรือแม้กระทั่งฐานภาษีด้วย”

ดังนั้น เมื่อ Your DATA และ Virtual BANK มา ลูกค้าสามารถหนีไปที่ไหนก็ได้ เป็นการทำลายกำแพงแบรนด์ ไม่ว่าสีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีเหลืองคือ การแชร์ DATA กันหมดจะไม่มีสาขา เพราะเป็นแมสสามารถทำบนมือถือ ยกเว้นลูกค้าเวลธ์ /ลูกค้าไพรเวท ที่อาจจะใช้บริการที่สาขา ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็มีไม่ถึง 10%

สอดคล้องกับแหล่งข่าวอีกรายขยายภาพเพิ่มเติมว่า เทรนด์ข้างหน้ามีความท้าทายทั้งปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายใน ซึ่งอุตสาหกรรมธนาคารหลักๆ จะไปพร้อมกับเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจไทยตอนนี้ยังไม่เห็นแสง Key Driver ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพ อย่างปีนี้ คาดการณ์เศรษฐกิจจะโตแค่ 2%

“สาเหตุหลักที่กำไรกลุ่มแบงก์ยังดูดี เหมือนไม่มีแรงกดดดันตอนนั้น เพราะฝั่งแบงก์อั้นการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบาย เช่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ฝั่งแบงก์จะลดดอกเบี้ยเงินฝากแรงกว่าเงินกู้ หรือลดดอกเบี้ยเงินกู้ช้า เพราะฉะนั้นแบงก์จึงยังได้รับอัตราผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยที่แบงก์ชาติเรียก “การส่งผ่านนโยบายที่ค้างท่อ”ตรงนี้คือ กำไรของแบงก์อยู่”

ดังนั้นแนวโน้ม 3ปีข้างหน้า มีโอกาสจะเห็นธนาคารพาณิชย์ปรับลดพนักงาน 15-20% ส่วนแนวโน้ม 4- 5ปีข้างหน้า ก็มีโอกาสเห็นกลุ่มธนาคารปรับลดคน 30% ขึ้นไปหรืออาจจะเห็นอัตราเร่งตัวกว่า คือช่วง 4-5ปี ส่วนตัวเคยเห็น ว่า บางธนาคารปรับลดคน 6,000 คนหรือคิดเป็น 30% จาก 2.2 หมื่นคนลดเหลือ 1.7 หมื่นคน

ด้านน.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ค่าใช้จ่ายพนักงานของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวมาต่อเนื่องในรอบ 10ปี โดยเฉพาะหลังโควิดที่กำไรค่อนข้างนิ่ง ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย(NIM)แข่งขันได้ยากขึ้น ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในระบบปรับตัวลดค่าใช้จ่าย หลักๆมาจากค่าใช้จ่ายพนักงานและลดสาขา/ย้ายจุดให้บริการ

น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ในแง่ค่าใช้จ่ายพนักงานต่อจำนวนพนักงานช่วง 3ปีหลังนิ่งๆ ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อคนสูงกว่าปี 62-64 อยู่ที่ 1.2-1.1ล้านบาท สาเหตุจากการมีสวัสดิการสังคมหรือแคมเปญเฉพาะเข้ามาชดเชย ทำให้เทรนด์การลดพนักงานของธนาคารระยะหลังไม่เร่งตัวนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น

โดยจะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและหาโอกาสธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นการทำต่อเนื่อง รวมถึงการ Up-Skill พนักงานสาขาหรือพนักงานที่เหลือ หลังจากลดสาขา/ย้ายจุด-ลดขนาดจุดให้บริการ เพื่อทำในสิ่งที่ยากขึ้นได้ เช่น ที่ปรึกษา/แนะนำการลงทุน ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่อหัวและสาขาจะแพงขึ้นในช่วง 3ปีหลัง

ส่วนอัตราการลดคนจะไม่เร็วเหมือนเมื่อก่อน และไม่ได้ลดตามทันที เน้นใช้วิธีอัพเกรดหรืออัพสกิลให้กับพนักงานที่เหลือหรือพนักงานสาขา แม้จะปรับลดต้นทุนต่อหน่วยไม่ได้มากหรืออาจขยับขึ้นในช่วง 3ปีหลัง เพราะจำนวนสาขาเท่าเดิม แต่ด้วยต้นทุนคนที่แพงขึ้น (คนที่เก่งขึ้น ทั้งคนใหม่ หรือการอบรม/ฝึกทักษะคนที่เหลือให้ทำงานที่ยากขึ้นได้มากขึ้น)

นอกจากนี้ ธนาคารในระบบจะดำเนินงานคู่ขนานกันระหว่างการฝึกพนักงานที่มีอยู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีต้นทุนสูง ดังนั้นพนักงานรุ่นใหม่จะมีกลุ่มทดลองให้ AI หรือตอนนี้ที่ใช้ ChatGPT แต่หากมีความซับซ้อนอาจจะต้องใช้คนเฉพาะเพื่อหาโอกาสธุรกิจหรือประเมินความเสี่ยงที่เร็วขึ้น เช่นการใช้ DATA Science

นางสาวธัญญลักษณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า มองไปในอนาคต ธนาคารพาณิชย์ไทยจะมีนวตกรรมเข้ามาช่วย โจทย์ในเรื่องการทำสำรอง (หนี้เสีย )เกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งอาจจะหาข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น เทลโก้ หรืออแพพลิเคชั่นหรือการออม การลงทุน ซึ่งอนาคตอาจจะขอข้อมูลกับหน่วยงานอื่นด้วย

ในแง่ของประชาชนต้องดูแลข้อมูลส่วนตัวที่ดี แสดงถึงประวัติการใช้เจ่ายทางการเงิน ซึ่งสะท้อนเครดิตของบุคคล ซึ่งเพื่อลดต้นทุนธนาคารยังทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องด้วยเพื่อให้ฐานข้อมูลมีความแม่นยำ

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,127 วันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...