โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ไทม์ไลน์นรกของ ‘ทักษิณ’

ไทยโพสต์

อัพเดต 23 สิงหาคม 2568 เวลา 3.55 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครับ…

แสดงความยินดีด้วย

"ทักษิณ ชินวัตร" รอด!

วานนี้ (๒๒ สิงหาคม) ครบ ๒ ปี "ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย" ซึ่งศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.๑๘๖๐/๒๕๖๗ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา ๘ เป็นโจทก์ฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

ในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีเมื่อปี ๒๕๕๘ "ทักษิณ" ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันฯ

และศาลมีคำสั่งยกฟ้อง

เนื่องจากพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ไม่เพียงพอ

กรณีศาลยกฟ้อง มิได้หมายความว่าจำเลยไม่มีความผิดเสมอไป

เพราะการยกฟ้องอาจมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น พยานหลักฐานไม่เพียงพอ

หรือคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จำเลยพ้นจากข้อกล่าวหาในคดีนั้นๆ

ยังไม่ใช่การตัดสินว่าบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง

จากนี้ก็ต้องฟังอัยการว่าจะเอาไง

จะอุทธรณ์

หรือพอแค่นี้

แต่ผลที่เกิดกับ "ทักษิณ" คือการปลดล็อกการเดินทางออกจากประเทศไทย

ไม่ต้องอาศัยช่องทางธรรมชาติ

ไม่ต้องง้อ "สมเด็จวุ้นเส้น" ขอนอนห้องนอนพรมแดง ผ้าห่มสีชมพู

เดินยืดอกออกจากสนามบินได้เลย

ทำให้บรรยากาศการเมืองไทยน่าสนใจขึ้นมาทันทีครับ

"ทักษิณ" มีเวลาถึงวันที่ ๙ กันยายน ที่ต้องตัดสินใจว่าจะไปแล้วไปลับ หรือจะกลับมา

ราวๆ ครึ่งเดือนนับจากวันนี้ จับตาอย่ากะพริบ เพราะไทม์ไลน์ความเป็นความตายของตระกูลชินวัตรมันน่าระทึกจริงๆ

ในสถานการณ์ที่รัฐบาลหุ่นเชิดแพทองธารได้รับความนิยมต่ำสุด และยังคงตกต่ำลงไปเรื่อยๆ นี้ ความพยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลนั้นเรียกได้ว่าจะสูญเปล่า เพราะมันเลยจุดไว้วางใจให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้อีกต่อไป

บวกกับเวลาเพียงน้อยนิดที่ "ทักษิณ" จะได้รับอิสระเสรีภาพ จึงเป็นงานยากที่จะสามารถบงการพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลได้เหมือนเดิม

๒๙ กันยายน ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำพิพากษา คดีคลิปเสียงฮุน เซน "แพทองธาร"

หากไม่รอด "ทักษิณ" มีเวลาเพียง ๑๑ วัน ที่จะทำหน้าที่ "บงการ" และ "เสือกทุกเรื่อง"

ตั้งรัฐบาลใหม่ให้เสร็จใน ๑๑ วัน เป็นเรื่องยากมาก

ยิ่งอยากได้เร็วยิ่งถูกพรรคร่วมรัฐบาลต่อรอง

จึงเป็น ๑๑ วันที่อย่ากะพริบตา

ไปดูคำพิพากษาคดี ม.๑๑๒ ครั้งนี้กันหน่อยครับ เพราะมีความละเอียดชัดเจนมากๆ คดีหนึ่งทีเดียว จะเป็นบรรทัดฐานให้คดี ม.๑๑๒ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

"…ศาลเห็นว่า ข้อความที่จะถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น จะต้องได้ความว่าการใส่ความนั้นระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความ

หรือเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่รู้ได้แน่นอนว่าบุคคลที่ถูกใส่ความเป็นใคร

หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรง การใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

ส่วนการดูหมิ่น ต้องพิจารณาว่าถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทผู้ที่ถูกกล่าวถึงขนาดทำให้อับอายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นแล้ว

อีกทั้งความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการใช้ข้อความหรือคำพูด ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า เมื่อวิญญูชนโดยทั่วไปได้พบเห็น หรือได้อ่านหรือได้ยินข้อความนั้นแล้ว จะส่งผลให้ผู้ถูกกระทำเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังหรือไม่

เมื่อพิจารณาข้อความหรือถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยมิได้ใช้คำว่า 'พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙'โดยตรง และไม่ได้ใช้ถ้อยคำสรรพนามที่อ้างถึงบุคคลที่สามโดยมีคำราชาศัพท์หรือถ้อยคำที่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด

หากแต่ใช้คำสรรพนามบุรุษที่ ๓ ว่า 'เขา'เรียกแทนบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือบุคคลอื่นหลายคนรวมกัน และยังมีคำว่า 'องคมนตรี' 'ทหาร' 'Palace Circle' และ 'คนในวัง'ล้วนแต่อยู่ในประโยคคำให้สัมภาษณ์ของจำเลย…"

"…ความจริงพยานต่างเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องจำเลยได้ เพราะคลิปวิดีโอของกลางไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นต้นฉบับ ทั้งไม่สามารถสืบหาบุคคลที่นำคลิปลงเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์

ประกอบกับเมื่อพิจารณาเพจแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ยูทูบ ที่นำคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์ของจำเลยมาเผยแพร่ลงในระบบคอมพิวเตอร์

พบว่าบุคคลที่นำมาเผยแพร่ซึ่งเป็นคนที่ได้รับฟังคลิปวิดีโอมาตั้งแต่แรก ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงนายสุเทพกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น

ไม่ได้เข้าใจว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์นั้นจะพาดพิงหรือสื่อความหมายหรืออ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร

พยานหลักฐานทั้งหมดที่โจทก์นำสืบมา จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยกล่าวข้อความตามคำฟ้องโดยเจตนาหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ หรือเมื่อวิญญูชนทั่วไปได้พบเห็นหรืออ่านข้อความที่จำเลยกล่าวแล้วจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙

ในขณะที่การสืบพยานหลักฐานของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามฟ้อง

สำหรับข้อหาร่วมกันแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องแต่มิได้นำพยานหลักฐานใดๆ มานำสืบเกี่ยวกับข้อหานี้เลย จึงรับฟังไม่ได้…"

ครับ…เป็นบรรทัดฐานให้โจทก์ ในคดี ม.๑๑๒ ต้องมีหลักฐานชัดเจน ว่าจำเลยระบุชื่อหรือไม่ หรือคนทั่วไปเข้าใจหรือไม่ว่าหมายถึงใคร.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘3 นายพล’ ไขก๊อก!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สติมา..ปัญญาเกิด

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม