โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

บทพิสูจน์ “ดีลลับ”! ชะตากรรม “แพทองธาร” ใต้เงาศาลฯ

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เสียงกดดันทางการเมืองกำลังทวีคูณ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดห้องไต่สวนพยาน 2 ปาก หนึ่งในนั้นคือ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงจากตระกูลชินวัตร อีกหนึ่งคือนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อคลี่คลายข้อเท็จจริงในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก่อนที่วันที่ 29 สิงหาคม จะเป็นวันประกาศคำวินิจฉัยที่อาจเปลี่ยนทิศทางการเมืองทั้งประเทศ

คำชี้แจงของแพทองธารถูกวางกรอบให้ทุกถ้อยคำเป็น “การทูตเพื่อสันติ” ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ส่วนตัว โดยใช้ตัวอย่างการเรียกบุคคลทางการเมืองไทยด้วยสรรพนามเชิงมารยาท เพื่ออธิบายว่าการเรียกฮุน เซน ว่า “uncle” ไม่มีนัยทางการเมือง พร้อมชี้ว่าประโยค “อยากได้อะไรก็บอก” เป็นเพียงเทคนิคเจรจาแบบ Principled Negotiation เพื่อเปิดให้คู่เจรจาเสนอเงื่อนไข ก่อนจะคัดกรองและต่อรองให้เกิดประโยชน์ต่อไทยสูงสุด รวมทั้งอธิบายว่าคำว่า “ฝั่งตรงข้าม” ต่อแม่ทัพภาค 2 เป็นเพียงการแยกปัญหาออกจากตัวบุคคลเพื่อให้การเจรจาดำเนินต่อได้ และได้ขอโทษแม่ทัพภาค 2 แล้ว ซึ่งคู่กรณีเองก็ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง

จุดแข็งของคำชี้แจงนี้คือการอ้างหลัก “Act of Government” และมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เพื่อให้คดีอยู่ในขอบเขต “ดุลยพินิจทางการเมือง” ซึ่งในหลายประเทศถือเป็นเหตุผลที่ศาลจะหลีกเลี่ยงการตัดสินเรื่องนโยบายระหว่างประเทศ หากศาลรัฐธรรมนูญเลือกตีความในแนวนี้ โอกาสรอดก็มีสูง แต่จุดอ่อนคือภาพลักษณ์ในสายตาประชาชน เพราะแม้เหตุผลจะฟังได้ แต่ถ้อยคำบางช่วงยังเปิดช่องให้ตีความว่าอาจลดทอนความแข็งแกร่งของอธิปไตย

ทว่า ในสนามการเมืองไทย การตัดสินใจครั้งใหญ่อาจมิได้พึ่งพากฎหมายเพียงอย่างเดียว ประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยพิสูจน์แล้วว่า “ดีลลับ” เคยเป็นตัวเปลี่ยนเกมมาแล้ว ทั้งกรณีการกลับประเทศของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมสิทธิ์ได้นอนโรงพยาบาลแทนเรือนจำ และการที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจข้ามขั้วมาจับมือกับพรรคสายอนุรักษ์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ล้วนถูกมองว่าเกิดจากการต่อรองลับเพื่อแลกเสถียรภาพทางอำนาจ จึงไม่แปลกที่หลายฝ่ายเชื่อว่าผลคดีแพทองธารจะขึ้นอยู่กับว่ามี “ดีลพิเศษ” ที่ปิดห้องตกลงกันหลังฉากหรือไม่

แรงกดดันจากสังคมและโซเชียลอาจสร้างบรรยากาศให้ศาลต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง ขณะที่ท่าทีของกองทัพ โดยเฉพาะแม่ทัพภาค 2 ที่มีชื่อในคดี ก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญ หากออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนหรือไม่ขัดแย้งกับรัฐบาล ก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสรอด แต่หากเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยน หรือกลุ่มอำนาจมองว่าการเปลี่ยนผู้นำเป็นทางออกที่ปลอดภัยกว่า ผลลัพธ์ก็อาจพลิกได้ทุกเมื่อ

เกมนี้จึงไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานในห้องพิจารณา แต่เป็นการวัดพลังกันในหลายมิติ ตั้งแต่แรงกดดันจากสังคม กระแสในสภา บทบาทของกองทัพ ไปจนถึง “ดีลลับ” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ วันที่ 29 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ประกาศคำวินิจฉัย แต่คำตอบที่แท้จริงว่าแพทองธารจะ “รอดแบบเส้นยาแดง” หรือ “ร่วงแบบไร้ทางแก้” อาจถูกเขียนไว้ล่วงหน้าบนโต๊ะเจรจาที่อยู่นอกสายตาประชาชน

#แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #ดีลลับ #คดีคลิปเสียง #ฮุนเซน #การเมืองไทย #ข่าวการเมืองล่าสุด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

"อธิบดีปิ่นสักก์" โต้ "สส.นิติพล" ข้อมูลเท็จ ปมโครงการพัฒนาชายหาดปากน้ำปราณเอื้อประโยชน์หน่วยงานรัฐ

8 นาทีที่แล้ว

"เลขาฯปปช."เผย "คดี 44 สส.ก้าวไกล" อยู่ระหว่างแก้ข้อกล่าวหา ยันให้ความเป็นธรรม

11 นาทีที่แล้ว

นายกเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา มอบโล่ “เพชรยูงทอง” ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา

13 นาทีที่แล้ว

“พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล” สวมเครื่องแบบ “ทม.รอ.” โต้กัมพูชา ยันกองทัพไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี ชี้เป็นข่าวเท็จ

14 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

‘แสวง’ เผย กกต.ประสานหน่วยงานความมั่นคง รอเคาะวันเลือกตั้ง สส.ศรีสะเกษ

ไทยโพสต์

"ภูมิใจไทย" มีมติโหวตคว่ำร่างงบฯ 69 ชี้จัดสรรไม่เป็นธรรม

Thai PBS

‘ชูศักดิ์’ เลี่ยงตอบ บอกสื่อถามไปไกล หากอิ๊งค์ไม่รอด ภูมิธรรมยุบสภาได้หรือไม่

ไทยโพสต์

"เลขาฯปปช."เผย "คดี 44 สส.ก้าวไกล" อยู่ระหว่างแก้ข้อกล่าวหา ยันให้ความเป็นธรรม

สยามรัฐ

เลขาฯ ป.ป.ช. ยอมรับคดี 44 สส.ก้าวไกล ใช้เวลานาน ส่วนคดีถุงยังชีพ ‘พีระพันธุ์’ รอตอบกลับ แก้ข้อกล่าวหา

เดลินิวส์

“พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล” สวมเครื่องแบบ “ทม.รอ.” โต้กัมพูชา ยันกองทัพไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี ชี้เป็นข่าวเท็จ

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม