ต่าย สายธาร เผยนาทีชีวิต หายใจไม่ออก สัญญาณเตือนร่างกาย ตั้ม ห่วงแฟนหนัก
ต่าย สายธาร เผยนาทีชีวิต หายใจไม่ออก ไร้สัญญาณชีพชั่วขณะ ภัยเงียบเตือนร่างกายครั้งสุดท้าย ตั้ม ผดุง ห่วงหนัก ห้ามแฟนนอนดึก
หลังจาก ต่าย สายธาร เผชิญนาทีชีวิต อาเจียนเป็นลมหมดสติ ชีพจรหยุดเต้นไปชั่วขณะ แฟนหนุ่ม ตั้ม ผดุง ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน เข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น ล่าสุด ต่าย ได้เปิดใจ เล่าเหตุการณ์ หายใจไม่ออกครั้งแรกในชีวิต เป็นภัยเงียบส่งสัญญาณเตือนร่างกายให้ดูแลตัวเองมากขึ้น เผยถ้าวันนั้น ตั้ม แฟนหนุ่มพาไปหาหมอช้ากว่านี้ อาจได้ไปเจอกันงานขาวดำแล้ว
นาทีชีวิตตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ?
ต่าย : “ถ้านาทีชีวิตจริงๆ อ่ะไม่รู้เรื่อง แต่ก่อนจะไปโรงพยาบาลคือหายใจไม่ออก หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว มารู้อีกทีตอนได้ยินเสียงคุณหมอบอกว่าเตรียมใส่ท่อหายใจแล้วนะ พอได้ยินเสียงนี้มาเหมือนบุญยังมีอยู่ เสี้ยววินาที เหมือนตัวเองจะพูดออกมาเหมือนปฏิเสธว่าไม่ แต่ไม่ได้มีแรงพูดขนาดนั้นนะคะ เพราะรู้ตัวอีกทีคืออยู่ในห้องแอดมิตแล้ว”
ตั้ม : “ตอนออกมาเจอคือต่ายเขาไปรอที่รถ เรารอเช็กบิลประมาณ 5 นาที เดินออกไปดูเหมือนเขาเริ่มอยากถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้ว เขาบอกว่าหายใจไม่ออก เราก็ถามว่าเป็นไรๆ แกล้งหรือเปล่า สักพักเขาก็อาเจียนออกมาเยอะเหมือนกัน เราก็รีบขับรถไปโรงพยาบาล พอดีอยู่ใกล้ด้วย แล้วเขาไม่รู้สึกตัวนะ เราก็เขย่าเขาไป พอไปถึงโรงพยาบาลตอนรถลงก็พอขยับตัวนิดหนึ่ง เราก็ยังสบายใจอยู่ แต่พอเข็นรถเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เราเห็นหมอมารุมแล้วเขาก็เดินมาบอกว่าชีพจรไม่ดีนะ ตอนนั้นเราก็ยืนแข็งเลย ทำไรไม่ถูก จนประมาณสัก 30-40 วินาที เขาก็รู้สึกตัวมาทีหนึ่ง”
หมอวินิจฉัยไหม ว่าเป็นอาการของโรคอะไร ?
ต่าย : “คุณหมอนัดวันก่อนแต่ยังไม่ได้ไป ก็เดี๋ยวต้องไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม เรามีโรคประจำตัวอยู่แล้ว มีภาวะเลือดจาง มีเนื้องอกที่อยู่กันมาแสนนาน แล้วก็มีซีสต์ที่มดลูกด้วย มีหลายโรค ส่วนอาการหายใจไม่ออกเคยมี แต่ไม่เคยเป็นขนาดนี้ค่ะ อันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต และน่าจะหนักที่สุด เป็นเสี้ยววินาที เพราะว่ามันไม่ใช่อาการเมานะ เหมือนภาวะชีพจรมันดรอป คือถ้าใส่ท่อ คงไม่ได้มายืนสัมภาษณ์ตรงนี้แล้วนะ ยาวค่ะ”
หลังเกิดเหตุการณ์นี้มีไปไหว้พระหรือไปมูไหม ?
ต่าย : “เราไม่ได้มู แต่ไหว้พระสวดมนต์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการพบแพทย์มากกว่า คือเหมือนก่อนเราต้องไปวิ่งเรื่องของหัวใจด้วย แต่คือมันวิ่งไม่ได้ มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย”
เป็นสัญญาณให้เราต้องกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้นไหม ?
ต่าย : “มันเป็นสัญญาณเตือน เหมือนภัยเงียบ วันนั้นถ้าตั้มช้า เราก็ไม่รู้ว่ายังจะมีสัญญาณชีพขึ้นมาอีกไหม อาจจะต้องไปเจอกันงานขาวดำแล้วก็ได้ แต่วันนั้นทำงานแล้วก็อดนอนด้วย”
ตั้ม : “ไปหลายที่มากวันนั้น พอมาถึงร้านเขาก็ขึ้นไปร้องเพลง 3 เพลง แล้วก็ดื่มไวน์นิดหน่อย พอลงมาก็ไม่ไหว เขาบอกหายใจไม่ออก ขอไปพักที่รถ”
ต่าย : “มันเป็นเรื่องของการพักผ่อนน้อยสะสม ต้องเตือนกันนะ คือเราตามข่าว ดูอัพเดตข่าวน้ำท่วมตลอดเวลาเลย แล้วเรามีภาวะเครียดไม่รู้ตัว ไมเกรน กรดไหลย้อน ข้าวก็ไม่กินด้วยนะ ตามยิ่งกว่านักข่าวอีกนะ หมอก็บอกให้พักสัก 7 วัน ก็ลองเขี่ยโทรศัพท์ทิ้งไป ต้องชัตดาวน์ตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว มันเตือนแล้วจริงๆ มันอาจจะเป็นสัญญาณครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ เราอย่าชะล่าใจ ถ้าจะไปดูแลคนอื่นได้ เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย”
กลัวมีภาวะโรคหัวใจไหม ?
ต่าย : “ตอนนี้ไม่กลัวอะไรสักอย่างค่ะ คุณแม่ก็เป็นมะเร็ง พ่อก็เป็นมะเร็ง พี่สาวเพิ่งเสียไปก็มะเร็ง มันไม่มีอะไรน่ากลัว เท่ากับความคิดของตัวเราเองแล้ว”
งานกู้ภัยจิตอาสาต้องงดก่อนไหม ?
ต่าย : “ก็ไม่เคยเบรกนะ อาจจะทำอะไรที่ไม่ออกสื่ออยู่หลังบ้าน”
เป็นห่วงหรือต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหม ?
ตั้ม : “ปกติก็ดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ดูแลมากกว่าเดิม ห้ามหลายอย่าง ห้ามนอนดึก ให้พักผ่อนเยอะๆ ห้ามรับงาน แต่เดี๋ยวหลัง 20 ไป ก็งานเยอะเหมือนเดิมแล้ว แต่ตอนนี้ให้พักผ่อนไปก่อน”
ต้องงดปาร์ตี้ไหม ?
ต่าย : “ปกติก็ไม่ได้ไปอยู่แล้ว จริงๆ เป็นคนไม่ชอบออกนอกบ้าน ติดห้อง ไม่ค่อยชอบไปไหน แต่ที่เห็นคือไปกับเขา เขาออกงานสังคม แต่เราไม่ค่อยเท่าไหร่”.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ต่าย สายธาร เผยนาทีชีวิต หายใจไม่ออก สัญญาณเตือนร่างกาย ตั้ม ห่วงแฟนหนัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th