โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผ่าทางตันการเมืองไทยเพื่อประชาธิปไตยกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

SpringNews

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 "เครือเนชั่น" ได้จัดกิจกรรมครบรอบ 55 ปี ในหัวข้อ "NATION ผ่าทางตันประเทศไทย Exclusive Talk กับ 3 ผู้นำทางความคิด" ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างสามบรรณาธิการของเครือเนชั่นกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นแขกรับเชิญคนแรก

ในการสนทนาครั้งนี้ นายธนาธรได้แสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยที่เขาเชื่อว่ากำลังถูกผลักดันไปสู่ "ทางตัน" โดย "กลุ่มคน" บางกลุ่มที่มีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งกระแสการเปลี่ยนแปลงและรักษาสภาพที่เป็นอยู่

สถานการณ์ "ทางตัน" และเป้าหมายของ "กลุ่มคน" ที่ต้องการหยุดเวลา

นายธนาธรเชื่อว่าการเมืองไทยจะไม่ถึงทางตันหากทุกฝ่ายเชื่อมั่นในประชาธิปไตย แต่กลับมี "ความพยายามจากหลายฝ่ายผลักดันไปสู่ทางตัน"

เขาอธิบายว่าเป้าหมายของกลุ่มคนที่พยายามสร้างทางตันนี้คือ "ต้องการหยุดยั้งเวลาทางการเมือง" เพื่อรักษาระเบียบสังคมและอำนาจนำในปัจจุบัน เขาเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า "กลุ่มอนุรักษนิยม" นายธนาธรชี้ว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายกรัฐมนตรีถึง 9 คน การรัฐประหาร 2 ครั้ง การชุมนุมใหญ่ 4 รอบ การยุบพรรคการเมืองหลักไม่น้อยกว่า 9 พรรค และการตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ 2 ครั้ง. เขาตั้งคำถามว่าสังคมเช่นนี้เป็นสังคมที่จะส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปได้หรือไม่ และเน้นย้ำว่า "จุดที่สำคัญในวันนี้ เราไม่มีข้อตกลงร่วมกันว่าสังคมไทยจะแบ่งอำนาจกันอย่างไร"

ปัญหาซ้ำซาก: รัฐประหารและนิติสงคราม

นายธนาธรชี้ว่า การรัฐประหาร ไม่ได้แก้ปัญหาเดิม แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ และเชื่อว่า "ตราบใดที่ยังปฏิรูปกองทัพไม่ได้ เราไม่สามารถปิดประตูการรัฐประหารได้เลย" เขากล่าวว่าการรัฐประหารมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ แม้หลังปี 2534 ที่กองทัพถูกมองในแง่ลบ ก็ยังเกิดการรัฐประหารอีก 2 ครั้ง (ปี 2549 และปี 2557) การปฏิรูปกองทัพที่จำเป็นต้องทำไปพร้อมกันมี 2 ส่วนหลัก คือ 1. ทำให้กองทัพมีสมรรถนะการรบที่พร้อมป้องกันประเทศตลอดเวลา และ 2. ทำให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน

นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงประเด็น "นิติสงคราม" ซึ่งรุนแรงมากขึ้น. นายธนาธรไม่เห็นด้วยกับการให้อำนาจองค์กรอิสระตีความจริยธรรมอย่างกว้างขวาง เพราะมันกลายเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" และการตีความที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เขาเชื่อว่าอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญควรถูกจำกัดให้แคบที่สุด และไม่ควรมีอำนาจลงโทษ

บทบาทของ "พรรคประชาชน" และแนวทางสู่การเปลี่ยนแปลง

ในฐานะที่ถูกเรียกว่าเป็น "ผู้นำทางจิตวิญญาณ" ของพรรคการเมืองที่สืบทอดกันมา (อดีตพรรคอนาคตใหม่, อดีตพรรคก้าวไกล, และพรรคประชาชน) นายธนาธรกล่าวว่าการยุบพรรคมา 2 ครั้งนั้นคุ้มค่ามาก เพราะวาระที่เคยถูกมองว่าก้าวหน้าเกินกว่าสังคมจะยอมรับ ได้กลายเป็นวาระปกติที่สามารถถกเถียงกันได้ในปัจจุบัน. เขาเห็นว่า "พรรคประชาชน" มีความมั่นคงทางกฎหมาย ในช่วงเวลาวิกฤติทางการเมือง

นายธนาธรเน้นย้ำว่าหากต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จะต้องแก้ไขปัญหาการเมืองควบคู่กันไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยไม่แก้ปัญหาการเมือง. เขาเสนอว่าฝ่ายบริหารต้อง จัดงบประมาณใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นคงในชีวิตประชาชน ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ ฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกันทุกชนชั้น

เขาแสดงความยินดีที่การ แก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อเปิดทางให้แก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านแล้ว และเสนอว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าควรพ่วงการถามประชาชนว่าจะเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเหมือนการรณรงค์รัฐธรรมนูญปี 2540

ยืนยัน "ไร้ดีลลับ" และจุดยืนต่อสถาบัน

นายธนาธรยืนยันว่า ไม่มี "ดีลลับ" กับพรรคสีแดง (พรรคเพื่อไทย) หรือพรรคสีน้ำเงิน (พรรคภูมิใจไทย) และเน้นย้ำว่าพรรคประชาชนจะไม่นำผลประโยชน์ของประชาชนไปแลกกับผลประโยชน์ของตัวเองเขายกตัวอย่างกรณีที่พรรคยื่นกรมสรรพากรสอบถามเรื่องตั๋ว PN ของ น.ส.แพทองธาร โดยไม่ใช้เรื่องจริยธรรม เนื่องจากทางนิตินัยกำกวม

เมื่อถูกถามถึงนโยบายเกี่ยวกับสถาบัน นายธนาธรปฏิเสธแนวคิดที่จะล้มล้างสถาบัน โดยยืนยันว่า "พวกเราทุกคนล้วนปรารถนาดีต่อประเทศ" เขาเชื่อว่าวิธีการที่จะธำรงสถาบันให้อยู่คู่สังคมไทยตลอดไปคือ "การค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสถาบันให้อยู่กับยุคสมัย" เขาชี้ว่าการเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันเกิดขึ้นหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าการกระทำนั้นไม่ได้เป็นคุณต่อสถาบัน เขายังย้ำว่าพรรคประชาชนทำงานการเมืองในสภา และ "ปืนสักกระบอกยังไม่มีเลย" นอกจากนี้ ใน MOU ของพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีประเด็นเรื่องการแก้ ม.112

วิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนในอนาคต นายธนาธรเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นพลวัตทางสังคม หากประเทศไทยเดินด้วยความเร็วที่เป็นอยู่ จะเดินไม่ทันโลกและตกขบวน. เขามองว่าพรรคประชาชนยังมีโอกาสที่จะได้เสียงเกิน 250 เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากไม่ถึงจุดนั้น และจำเป็นต้องร่วมจัดตั้งรัฐบาล ปัจจัยสำคัญคือ ผลการเลือกตั้ง และ การยอมรับนโยบายหลักที่พรรคประชาชนได้หาเสียงไว้. เขากล่าวว่าพรรคประชาชนพร้อมที่จะโหวตให้คนอื่นเป็นนายกฯ และถอยไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้ประเทศถึงทางตัน เขามั่นใจว่าพรรคประชาชนไม่หวั่นไหวต่อการรวมตัวของคู่แข่งในการเลือกตั้งใหญ่ เพราะเป็นการแข่งขันคนละเกมกับเลือกตั้งท้องถิ่น โดยการเลือกตั้งระดับประเทศเน้นที่กระแส นโยบาย และบุคคล ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่บุคคล นโยบาย และกระแส

นายธนาธรทิ้งท้ายว่า การเดินทางทางการเมืองของเขามาไกลขนาดนี้ได้เพราะการสนับสนุนจากประชาชน และจะทำเต็มที่เพื่อผลักดันประเทศไทยตามที่สัญญาไว้ เพื่อให้ลูกหลานเติบโตในระบอบประชาธิปไตย สังคมมีความเสมอภาคทางกฎหมาย และเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันกับสังคมโลกได้

มุมมองของนายธนาธรชี้ให้เห็นว่าการเมืองไทยกำลังเผชิญกับภาวะชะงักงันที่เกิดจากกลุ่มคนที่ต้องการหยุดเวลาและรักษาสภาพที่เป็นอยู่ เขาเสนอว่าหนทางเดียวที่จะ "ผ่าทางตัน" นี้ได้คือการ แก้ไขปัญหาทางการเมืองอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปกองทัพให้มาอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เกิดความเสมอภาค และการปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญให้ทันยุคสมัย

พรรคประชาชนยืนยันที่จะทำงานตามอุดมการณ์ โดยไม่มีดีลลับ และเน้นการทำงานในสภาเพื่อผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน. เขาเชื่อมั่นว่าด้วยแรงผลักดันจากประชาชน การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นจะสามารถเกิดขึ้นได้ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้าและแข่งขันกับโลกได้ในที่สุด

เปรียบได้กับเครื่องจักรที่ติดขัดและทำงานผิดปกติมานาน แม้จะพยายามซ่อมแซมส่วนย่อยๆ มาตลอด แต่ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ นายธนาธรและพรรคประชาชนกำลังชี้ให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้อง ตรวจสอบและปฏิรูปกลไกสำคัญภายในของเครื่องจักร ไม่ใช่เพียงแค่การซ่อมแซมภายนอกเท่านั้น การที่จะทำให้เครื่องจักรนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันยุคสมัยอีกครั้ง จำเป็นต้องมี วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ (นักการเมืองที่มีความตั้งใจ) และช่างเทคนิค (ประชาชน) ที่ร่วมมือกันแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง เพื่อให้พลังขับเคลื่อนภายในสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SpringNews

ทรัพย์เด็ดทำเลดีที่ภูเก็ต! กรมบังคับคดีเปิดประมูล2.6 พันล้าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักวิทย์เตรียมละลายแกนน้ำแข็งอายุ 1.2 ล้านปี เพื่อไขปริศนาโลก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คนไทย 35% ช้อปปิ้งดูแลสุขภาพจิต Gen Y- Z เลือกซื้อของตามอารมณ์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศาสตร์แห่งการอาบป่า ทำไมแค่เดินในป่าก็รู้สึกดีขึ้น !

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

เปิดพิกัดไฟดับพรุ่งนี้ 29 จุด 20 ก.ค. 68

มุมข่าว

อ.ลักษณ์ โพสต์กราบนมัสการ "เจ้าคุณธงชัย" ยกงดงามในศีลาจารวัตร เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

สยามรัฐ

เพลิงไหม้รถยนต์! ทางพิเศษศรีรัช เหนือรพ.วิชัยยุทธ ควบคุมเพลิงไว้ได้ ไม่มีผู้บาดเจ็บ

สวพ.FM91
วิดีโอ

"บิ๊กเต่า" ชี้เป้าพระชั้นผู้ใหญ่สมณศักดิ์สูงกว่าคดีสีกากอล์ฟ "ใช้เงินวัด 100 ล้านเปย์สีกา"

สวพ.FM91

แจ้งจับ "ทหารหญิงกัมพูชา" ชี้หน้าด่าทหารไทย ป่วนปราสาทตาเมือนธม

คมชัดลึกออนไลน์

เส้นทางพายุ “วิภา” กระทบเหนือ อีสาน เตือนฝนตกน้ำท่วมซ้ำซาก

TNN ช่อง16

‘แม่ทัพภาค 2’ ยัน ‘ทุ่นระเบิด’ เนิน 481 เป็นของใหม่ คาดมีอีกเพียบ ชง ‘กระทรวงต่างประเทศ’ ร้อง ‘ยูเอ็น’ เตรียมตอบโต้

เดลินิวส์

แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่น! ปกป้องแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว หลังพบระเบิดล้ำแดนจากกัมพูชากว่า 100 ลูก

The Better

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...