เสพติดคลิปสั้นๆ อันตรายกว่าที่คิด ผลวิจัยเตือนภัย "สมอง TikTok" ที่ไม่ได้พังแค่สมอง!
ติดการดูคลิปสั้นๆ อยู่หรือเปล่า? หยุดเลื่อนดูไม่ได้เลยใช่ไหม? ผู้เชี่ยวชาญเผยความจริงทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลัง "สมอง TikTok" เหมือนถูกมนต์สะกดสไลด์ไม่หยุด
ดูวิดีโอสั้นติดลมจนหยุดไม่ได้? อาการติดคลิปสั้นๆ หรือที่เรียกว่า"สมอง TikTok" (TikTok brain) กำลังถูกนักวิชาการให้ความสำคัญ เพราะมันไม่ได้แค่แย่งเวลา แต่งานวิจัยใหม่หลายชิ้นออกมาเตือนชัดว่า อาจเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อการทำงานของสมอง สุขภาพจิต และการควบคุมพฤติกรรมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยมหาวิทยาลัย
“คลิปสั้น” เปลี่ยนสมองคุณอย่างไร? จากรายงานของนิตยสาร Forbes และการศึกษาในวารสาร NeuroImage ปี 2025 พบว่า ภาวะ "Short Video Addiction" หรือ "SVA" จะทำให้สมองตอบสนองกับ ระบบรางวัล (Reward System) มากขึ้น นั่นหมายถึงผู้ใช้งานจะรู้สึกพึงพอใจทุกครั้งที่เลื่อนคลิป และสมองจะกระตุ้นให้เลื่อนดูต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรับความสุขแบบสั้น ๆ เหมือนเล่นตู้สล็อตในคาสิโน
แต่ผลข้างเคียงคือ… สมองส่วนที่ควบคุมเหตุผลและการยับยั้งพฤติกรรมจะทำงานน้อยลง จึงทำให้ควบคุมตนเองได้ยากขึ้น เกิดอาการเสพติด ส่งผลให้หลุดโฟกัสจากสิ่งที่ควรทำ เช่น เรียนหนังสือ พักผ่อน หรือทำงานบ้าน จนกลายเป็นวงจรที่ยากจะถอนตัว
กลุ่มเสี่ยงที่สุดคือ “วัยรุ่นและนักศึกษา” โดยงานวิจัยจากวารสาร Frontiers in Human Neuroscience และ Frontiers in Psychology (ปี 2025) ระบุว่า กลุ่มคนอายุ 18–25 ปี มีความไวต่อการกระตุ้นจากวิดีโอสั้นมากเป็นพิเศษ มีแนวโน้ม “เสี่ยงติด” และแสดงพฤติกรรมใจร้อน เสพติดความพึงพอใจทันที และขาดสมาธิ ได้ชัดเจนกว่ากลุ่มอายุอื่น
นอกจากนี้ ยังพบความเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และการเสพติดเทคโนโลยีแบบแฝง โดยผู้ที่ดูคลิปสั้นวันละมากกว่า 1 ชั่วโมง จะมีแนวโน้มเผชิญอาการเหล่านี้สูงขึ้น
- หมอเตือน! เคสมือถือ 3 แบบ เสี่ยงสารพิษสะสมในร่างกาย กระทบสมอง-ไตพัง–มะเร็งถามหา
- ด.ช.หนีออกจากบ้าน งอนที่ "พ่อตี" เพราะติดมือถือ แค่ 2 วันรู้ข่าวเศร้า ทำเสียใจไปทั้งชีวิต!
อีกหนึ่งปัญหาที่มาพร้อมกับคลิปสั้นคือ ข้อมูลเท็จ (Fake News) งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Capitol Technology University (2023) พบว่า กว่า 20% ของคลิปใน TikTok มีเนื้อหาบิดเบือนหรือไม่ถูกต้อง เนื่องจากอัลกอริธึมของแพลตฟอร์มเน้น "ความน่าสนใจ" มากกว่าความจริง จึงเสี่ยงเป็นแหล่งข้อมูลผิด ทำให้เนื้อหาช็อกโลกหรือข่าวปลอมแพร่กระจายได้ง่ายมาก
ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ วัยรุ่นจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่าตนเองสามารถแยกแยะข่าวจริงกับข่าวปลอมได้ ทั้งที่ในการทดสอบจริง กลับไม่สามารถตัดสินข้อมูลที่ถูกต้องได้แม่นยำ
วิธีลดเสี่ยง “ติดคลิปสั้น” ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ!
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การป้องกันภาวะ “ติดวิดีโอสั้น” หรือ SVA (Short Video Addiction) เริ่มต้นจากการสังเกตพฤติกรรมของตัวเอง เช่น ใช้เวลากับวิดีโอสั้นวันละเท่าไร และหลังดูแล้วรู้สึกอย่างไร หากมีอารมณ์ไม่สบายใจ วิตกกังวล หรือรู้สึกผิดบ่อยๆ ควรมองว่านี่คือสัญญาณเตือน
วิธีรับมือเบื้องต้นคือกำหนดเวลาในการดูอย่างมีวินัย หลีกเลี่ยงการไถหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ พร้อมกับฝึกตนเองให้ตระหนักถึงความน่าเชื่อถือของเนื้อหาที่รับชม อีกทั้งควรแบ่งเวลาให้กับกิจกรรมในชีวิตจริง เช่น พบปะผู้คน ออกกำลังกาย หรือหางานอดิเรกทำ รวมถึงตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์
สำหรับคนที่รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ที่มีความรู้เฉพาะทางเรื่อง SVA ซึ่งจะช่วยให้กลับมาควบคุมชีวิตและจิตใจได้ดีขึ้นในระยะยาว.
การดูวิดีโอสั้นอาจฟังดูเป็นเรื่องสนุกและชิล ให้ความบันเทิงแบบรวดเร็วทันใจ แต่หากใช้อย่างไม่ระวัง ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพจิต สมาธิ และพฤติกรรมเสพติดได้อย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น หากยังรู้ตัวว่ามักไถหน้าจอไม่หยุด ลองปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำ เพื่อให้ชีวิตไม่ถูก “สมอง TikTok” ควบคุมและทำลายสมดุลชีวิตของคุณ!