ผบช.ไซเบอร์ เผยหลังหยุดยิง พบคนไทยกว่า 200 คน เปลี่ยนใจกลับไปทำงานในกัมพูชา
นนทบุรี ผบช.ไซเบอร์เผยรวบ 13 ผู้ต้องหาตามหมายจับ มาจากปอยเปต ข้ามกลับไทย จากสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา โยงคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เผยหลังมีข้อตกลงหยุดยิง พบคนไทยกว่า 200 คน ที่ข้ามแดนผิดกฎหมาย เปลี่ยนใจกลับไปทำงานเดิมต่อ เหลือกลับเข้ามาจริงเพียงแค่ 74 ราย ชี้ให้เล็งเห็นลางบอกเหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เผยถึงกรณีที่สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่าจากรายงานข่าวจากหลายสำนักและบทวิเคราะห์ของนักวิชาการนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้งดังกล่าวกับปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ขอชี้แจงว่า ภารกิจสำคัญของเราคือ การปกป้องประชาชนไทยจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายฟอกเงิน โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้ลงพื้นที่ดูการรับตัวคนไทยที่เดินทางกลับมาจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งกระบวนการคัดกรองพบว่ากว่า 13 ราย ที่มีหมายจับในคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงคนไทย และอีก 70 ราย ที่พบมีการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงพี่น้องคนไทย
ซึ่งวันที่ลงพื้นที่ทราบข่าวจากทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ว่ายังมีคนไทยอีกกว่า 200 ราย มีความประสงค์จะเดินกลับมายังประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดคือคนไทยที่ข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ไม่มีหลักฐานการออกนอกประเทศ ส่งผลให้การเดินทางกลับเข้ามาจะต้องผ่านการคัดกรอง แต่เมื่อมีข่าวการเจรจาหยุดยิงปรากฏขึ้นทราบว่า ล่าสุดคนไทยจำนวนกว่า 200 คน เปลี่ยนใจกลับไปทำงานเดิมต่อเหลือกลับเข้ามาจริงเพียงแค่ 74 ราย ซึ่งชี้ให้เล็งเห็นลางบอกเหตุว่าการทำงาน การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยต่อว่า นักวิชาการต่างประเทศวิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งของเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สืบเนื่องจากการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่หลอกลวงประชาชนทั่วโลกตั้งอยู่ทางฝั่งประเทศกัมพูชา แม้เหตุปะทะจะหยุดลงแต่สถานการณ์หลอกลวงยังคงมีอยู่ ซึ่งตำรวจไซเบอร์จะเดินหน้าปราบปรามอย่างเข้มข้น แต่เมื่อสถานการณ์ไม่น่ากลัวและทราบว่าจะมีการหยุดยิงจึงไม่เดินทางกลับ แต่ยังมีการหลอกลวงทั้งในและต่างประเทศ
โดยตลอดปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีต่อเครือข่ายเหล่านี้อย่างจริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงิน การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มทุนสีเทา
จากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กลายเป็นที่รับรู้ของประชาคมโลกว่าเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อประชาชนบริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่จะยืนหยัดด้วยหัวใจของผู้พิทักษ์ เดินหน้าทุกภารกิจอย่างไม่หวั่นไหว พร้อมปกป้องประชาชนไทยจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่แฝงตัวอยู่หลังพรมแดน และเราจะไม่ยอมให้แผ่นดินใดเป็นฐานโจมตีประชาชนของเรา ทุกปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ดำเนินการภายใต้กฎหมายไทย หลักสิทธิมนุษยชนสากล และข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยยึดหลักความโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ยอมให้ประชาชนไทยต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเพียงลำพัง
ในขณะที่มีความพยายามจากบางประเทศ ในการสร้างข่าวปลอมและบิดเบือน เพื่อบิดเบือนความจริงในสายตาสังคมโลก ประเทศไทยขอส่งสารแห่งความจริง ไปยังประชาคมโลกทุกมุมบนโลกออนไลน์ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์ ด้วยข้อความภาษาอังกฤษ พร้อมติด #TruthFromThailand ร่วมกันสื่อสารให้โลกได้รับรู้ว่าเราไม่ได้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมแพ้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตำรวจไซเบอร์ ขอส่งกำลังใจถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละ เพื่อปกป้องประเทศชาติพร้อมเน้นย้ำว่า ความมั่นคงทางไซเบอร์ คือส่วนหนึ่งของความมั่นคงของชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์พร้อมขับเคลื่อนทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยปลอดภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ และขอส่งสารถึงประชาคมโลกว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมเฉยต่อภัยที่คุกคามอนาคตของประชาชน และจะยืนหยัดต่อสู้อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกมิติ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผบช.ไซเบอร์ เผยหลังหยุดยิง พบคนไทยกว่า 200 คน เปลี่ยนใจกลับไปทำงานในกัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบสายลับหน่วยข่าวกรองกัมพูชา สารภาพสอดแนมกำลังทหารไทย
- "กองทัพบก" สูญเสีย "ทหารกล้า" เพิ่มอีก 1 นาย จากเหตุปะทะพื้นที่ช่องอานม้า
- ประวัติ "ปราสาทตาควาย" อยู่ที่ไหน เป็นของใคร จุดปะทะเดือดชายแดนไทย-กัมพูชา
- ศบ.ทก. เรียกร้องกัมพูชาหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เผยวันนี้ไทยควบคุมได้ 11 พื้นที่
- ผบช.ไซเบอร์ เผยหลังหยุดยิง พบคนไทยกว่า 200 คน เปลี่ยนใจกลับไปทำงานในกัมพูชา
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath