สาวไม่ยอมสละที่นั่งให้เด็กเล็ก โดนถ่ายคลิปประจาน ฟ้องยับ สู้กลับ ไม่ยอมเป็นเหยื่อโซเชียล
หญิงสาวชาวบราซิลฟ้องสายการบิน คนถ่ายคลิป หลังคลิปไม่ยอมสละที่นั่งให้เด็ก กลายเป็นไวรัลบนอินเตอร์เน็ต
ไมอามี, สหรัฐอเมริกา – เจนนิเฟอร์ คาสโตร หญิงสาววัย 29 ปี จากบราซิล ผู้เคยเป็นข่าวโด่งดังบนโลกออนไลน์ กรณีปฏิเสธที่จะยกที่นั่งริมหน้าต่างที่เธอจองไว้ล่วงหน้าให้เด็กเล็กที่กำลังร้องไห้บนเครื่องบิน ล่าสุด เธอได้ยื่นฟ้องสายการบินและผู้โดยสารที่ถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว
คาสโตร ซึ่งทำงานเป็นพนักงานธนาคารที่เมืองเบโลโอรีซอนชี ตกเป็นเป้าสนใจอย่างมากบนอินเทอร์เน็ต หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อเดือนธันวาคม คลิปวิดีโอที่เจนนิเฟอร์ยืนยันว่าถูกถ่ายโดยผู้โดยสารคนอื่น (ไม่ใช่แม่ของเด็กตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้) ได้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกประณามอย่างหนักในโลกออนไลน์
แม้จะต้องเผชิญกับกระแสโจมตี แต่คาสโตรกลับได้รับความสนใจอย่างไม่คาดคิดบนโซเชียลมีเดีย ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอพุ่งสูงถึง 2.1 ล้านคน จนนำไปสู่การเซ็นสัญญากับหลายแบรนด์ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ เธอเล่าว่าชีวิตของเธอเปลี่ยนไปมากเกินกว่าที่คิดไว้ เธอไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานธนาคารอีกแล้ว และในช่วงที่กระแสข่าวแรงที่สุด เธอกลัวมากจนแทบไม่ได้ออกจากบ้านเลย
คาสโตรเล่าว่า ตอนขึ้นเครื่องบิน เธอเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งริมหน้าต่างที่เธอจองไว้ เธอรอให้เด็กย้ายไปที่นั่งอื่น แล้วจึงนั่งลงที่ที่ของตนเอง “ตลอดเที่ยวบิน เด็กคนนั้นร้องไห้มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้”สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อมีคนเริ่มถ่ายคลิปวิดีโอเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต “แต่ฉันแปลกใจมากที่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เริ่มถ่ายคลิปฉันโดยไม่ขออนุญาต พูดจาดูถูก และพยายามทำให้ฉันอับอายต่อสาธารณะ เพียงเพราะฉันไม่ยอมเปลี่ยนที่นั่ง”
ดำเนินคดีเพื่อความยุติธรรมและสร้างบรรทัดฐาน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาสโตรตัดสินใจฟ้องร้อง เธอฟ้องสายการบิน GOL Airlines เพื่อเรียกค่าเสียหายจากความทุกข์ใจและความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เธอยังฟ้องผู้โดยสารที่ถ่ายคลิปวิดีโอเธอด้วย คาสโตรปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนเงินที่เรียกร้อง โดยให้เหตุผลเรื่อง “ความลับทางคดี” และไม่เปิดเผยเอกสารทางกฎหมาย เธอกล่าวว่าเธอต้องการป้องกันไม่ให้เกิดการประณามต่อสาธารณะและการเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกในอนาคต
“คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชดเชยค่าเสียหาย แต่ยังเป็นการกำหนดขอบเขตของพฤติกรรมแบบนี้ด้วย” เธอกล่าว “เราทุกคนมีสิทธิ์ และสิทธิ์ของเราต้องได้รับการเคารพ ไม่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร” เธอยังเสริมว่า “ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดและดำเนินการที่เหมาะสมกับผู้ที่ถ่ายคลิปฉันแล้ว” และ “ไม่ได้ฟ้องแม่ของเด็ก แต่ฟ้องเฉพาะผู้ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของฉันเท่านั้น”
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก คาสโตรยังคงเชื่อว่าเธอทำถูกต้องแล้วในการรักษาสิทธิ์ในที่นั่งของตนเอง “ทุกคนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง และฉันเคารพในสิ่งนั้น” เธอกล่าว “ฉันเชื่อว่าเราอยู่ในสังคมที่การคิดต่างเป็นเรื่องปกติและดีต่อสุขภาพ ตราบใดที่มีความเคารพ”
คาสโตรหวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้จะสร้างบรรทัดฐานเกี่ยวกับการประณามต่อสาธารณะและการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต เธอกำลังตั้งใจฟื้นฟูชีวิตและเรียกร้องเรื่องขอบเขตส่วนบุคคล พร้อมรอผลการตัดสินของคดีความ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง