24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
>> คุมตัว 'สีกากอล์ฟ' ฝากขังศาล สีหน้าเคร่งเครียด ยกมือไหว้ขอโทษ ปัดตอบคำถามสื่อ
09.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นสถานที่คุมขัง สีกากอล์ฟ ตำรวจได้สั่งอาหารให้ สีกากอล์ฟ เป็นข้าวผัดพริกแกงหมูชิ้นใส่ถั่วฝักยาว พร้อมน้ำดื่ม ซึ่ง สีกากอล์ฟ ยังคงเครียดและกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตำรวจนำอาหารไปให้ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยอมรับประทานอาหารตามปกติ โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีญาติเดินทางมาเยี่ยมในวันนี้
ต่อมา พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. คุมตัว สีกากอล์ฟ ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฝากขังผัดแรกในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 , สนับสนุนให้เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตาม ม.147 , รับของโจร , และฟอกเงิน จากกรณีมีส่วนพัวพันกับการรับเงิน 380,000 บาทของวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยระหว่างถูกควบคุมตัวขึ้นรถ สีกากอล์ฟ มีสีหน้าเครียด คิ้วขมวด ซึ่งสื่อมวลชนพยายามสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าสีกากอล์ฟอยากชี้แจงอะไรหรือไม่ สำนึกกับสิ่งที่ทำไปหรือไม่ อยากขอโทษอะไรหรือไม่ แต่ สีกากอล์ฟ ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ เพียงยกมือไหว้ขอโทษเท่านั้น ก่อนจะถูกนำตัวเดินขึ้นรถเพื่อไปฝากขัง
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้อง เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ ที่น่าจะมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายสูง
>> “อี้ แทนคุณ” พาผู้เสียหายร้อง DSI ถูกหลอกร่วมลงทุนอสังหาฯ สูญกว่า 5 พันล้านบาท
10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายเข้าร้องเรียน หลังถูกบริษัทอสังหาฯ ตัวย่อ “H” หลอกให้ร่วมลงทุนใน 11 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา และต่างจังหวัด รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายแทนคุณเผยว่า บริษัทใช้วิธีแอบอ้างแบรนด์ดังจากต่างประเทศ หลอกขายบ้าน คอนโดฯ ปล่อยเช่า และชักชวนระดมทุน โดยมีผู้เสียหายกว่า 70 ราย แบ่งเป็น 4 ลักษณะหลัก เช่น สัญญาซื้อบ้านแต่ไม่สร้าง, ลงทุนปล่อยเช่าแต่ไม่ได้เงิน, อ้างระดมทุนแต่ไม่ลงทุนจริง และอ้างซื้อคืนหลังครบสัญญาแต่เบี้ยวจ่าย
ผู้เสียหายร้องให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษ พร้อมดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ฐานฉ้อโกงประชาชน, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) เบื้องต้นมีโครงการสร้างเสร็จเพียง 2 จาก 11 โครงการ อีก 9 แห่งหยุดก่อสร้าง อ้างขาดสภาพคล่อง ขณะนี้ยังมีผู้เสียหายทยอยเข้าร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
>> อุบัติเหตุ รถกระบะพลิกคว่ำลงข้างทาง สาวท้องแก่บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.
10.03 น. มูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา อ่าวลึก ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถกระบะพลิกคว่ำลงข้างทาง ริมถนนเซาท์เทิร์น ในพื้นที่ 3 ตำบลบ้านกลาง อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
ที่เกิดเหตุพบ รถกระบะ สีเทา ป้ายทะเบียน 871 กระบี่ ลักษณะพลิกหงายท้องอยู่ข้างทาง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยเป็น ผู้ชาย อายุ 30 - 35 ปี มีแผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย ผู้ได้รับบาดเจ็บรู้สึกดี ส่วนอีกราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 30 -35 ปี ทราบต่อมาว่า ตั้งครรถ์ได้ประมาณ 8 เดือน ไม่รู้สึกตัว และไม่มีชีพจร จึงทำการ CPR และเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลอ่าวลึก และทราบว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวลึก
>> ตำรวจระดม 15 วัน จับตุ๊กตุ๊ก-รถโดยสาร จอดกีดขวางการจราจร หน้าห้างดัง
10.56 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. รับรายงานจาก พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กรณีผลการกวดขันรถตุ๊กตุ๊กและรถโดยสารสาธารณะ ที่จอดกีดขวางหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่งในพื้นที่นครบาล 6 ส่งผลกระทบการจราจรอย่างหนัก
โดยระหว่างวันที่ 1-15 ก.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 มอบหมายให้ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง รอง ผบก.น.6 กำกับให้สถานีตำรวจในพื้นที่บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในถนนสายหลัก เช่น ถนนพญาไทและถนนพระราม 1 ที่มีรถตุ๊กตุ๊กและรถโดยสารจอดรับ-ส่งผู้โดยสารโดยไม่ถูกต้อง
สน.ปทุมวัน นำโดย พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ระดมเจ้าหน้าที่จราจรลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิด รวม 824 คดี ภายใน 15 วัน พร้อมกำชับผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ ห้ามจอดรับ-ส่งนอกจุดที่กำหนด และต้องไม่กีดขวางการจราจร เจ้าหน้าที่จะดำเนินการกวดขันอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ
>> ลูกทาสยาคลั่ง ขู่ทำร้ายมารดา วอนตำรวจช่วยนำตัวไปบำบัด ลั่น ไม่อยากให้กลับมาเหยียบบ้านอีก
11.30 น. เจ้าหน้าทีตำรวจ สภ.บางละมุง รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งในหมู่บ้าน ขู่จะทำร้ายมารดาตัวเอง ในเขตพื้นที่ ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงประสานกำลังตำรวจ อปพร. และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าควบคุมสถานการณ์
ที่เกิดเหตุ พบผู้ชายทราบชื่อต่อมา คือ นายมอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี อยู่ในอาการคุ้มคลั่ง โวยวายเสียงดัง ตรวจสอบพบอุปกรณ์เสพยาตกเกลื่อน เจ้าตัวยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริง เจ้าหน้าที่จึงรอจังหวะก่อนคุมตัวไว้ได้โดยไม่มีผู้ได้รับอันตราย
นางนอ (นามสมมุติ) มารดาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า อาศัยอยู่กับลูกชายและหลานอีก 2 คน ลูกชายติดยา อาละวาดบ่อย ขู่จะทำร้ายตนและหลาน แถมยังขโมยของไปขาย เพื่อซื้อยา ทำให้ต้องพาหลานหนีตายเป็นประจำ
หลังจากเกิดเหตุในวันนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการขั้นเด็ดขาด ไม่อยากให้ลูกชายกลับมาบ้านหลังนี้อีก เกรงจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ ซึ่งตนก็หวาดกลัวทุกครั้งที่เกิดเหตุ และวันข้างหน้าอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้
เบื้องต้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวส่ง รพ.บางละมุง ตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัด และดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
>> รวบขาโจ๋ฉายา "โกโบริ" โจรก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์สาว คาบ้านย่านบางเขน เมื่อปี 67
13.55 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ สน.บางเขน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน” ซึ่งเป็นหมายจับสำคัญในประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2568 ลำดับที่ 5 โดยจับกุมได้ บริเวณภายในซอยเรวดี 18 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
การติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับสำคัญในประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายเอ (นามสมมุติ) ฉายา “โกโบริ” ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ผู้ต้องหากับพวกได้ติดต่อผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแม่ค้าออนไลน์ขายนาฬิกาแบรนด์ดัง ผ่านเฟซบุ๊กโดยอ้างว่า ต้องการดูสินค้าที่บ้าน เมื่อผู้เสียหายเปิดบ้านให้เข้ามาดู กลับถูกผู้ต้องหากับพวกชักอาวุธปืนและมีดออกมาข่มขู่บังคับให้มอบทรัพย์สิน ก่อนจะพากันหลบหนี
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบพยานแวดล้อมและเส้นทางหลบหนี แม้ผู้ต้องหาจะพยายามตัดร่องรอยการติดต่อและย้ายที่อยู่หลายครั้งเพื่อหลบหนี จนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ก่อนคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การภาคเสธ
>> ไฟไหม้ห้องพักชั้น 2 บนแฟลตการเคหะ ย่านซอยพระรามที่ 2 ซอย 60 หวิดวอดทั้งห้อง
14.54 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ แฟลตการเคหะธนบุรี 2 ซอยพระรามที่ 2 ซอย 60 ถนนพระรามที่ 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีต 8 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ภายในห้องพัก เพลิงลุกไหม้เสียหายกองกระดาษและกองวัสดุ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 8 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากการประกอบอาหารและเกิดการลุกลาม ขณะเกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง มีอาการถูกไฟลวกที่ข้อมือขวา เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุไม่ต้องไปโรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางบอน
>> ‘สุชาติ’ น้อมนำข้อห่วงใย 'สมเด็จพระสังฆราช' แก้ปมร้อนวงการสงฆ์
15.42 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนน้อมนำข้อห่วงใยของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่องเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่เกิดขึ้น พร้อมพิจารณาถึงแนวทางในการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นการลงโทษพระที่ประพฤติผิดวินัย รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ทั้งนี้ ตนได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียนร้อยแล้ว
ขณะนี้อยู่ในกระบวนการศึกษาเพื่อความรอบครอบ รัดกุม และครอบคลุม ซึ่งตนได้กำชับให้นำไปสู่การดำเนินการอย่างเร็วที่สุดด้วย
ผมได้เตรียมประสานงานไปยังกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่มีอำนาจจับกุม อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหลายเรื่องได้เร่งดำเนินการแล้ว เพราะทราบดีว่าประเด็นนี้กระทบกับความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกคน แต่ผมยังยืนยันว่า ในฐานะชาวพุทธ เราต้องยืนหยัดปกป้องพระศาสนา ความผิดเป็นเรื่องของบุคคลครับ“ นายสุชาติ กล่าว
>> ทบ. แจงกับระเบิดพื้นที่ชายแดนช่องบก เร่งตรวจสอบรายละเอียดของทุ่นโดยผู้เชี่ยวชาญ ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่
15.47 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบัน
ทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่าทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทย และกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542
>> "ภูมิธรรม" เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” เจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย ลงโทษเด็ดขาด
16.12 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย Re X-Ray ทุกหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ รวมทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร พร้อมกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ปราบปรามผู้ค้ารายย่อยและนายทุนที่อยู่เบื้องหลังให้สิ้นจากหมู่บ้าน/ชุมชน
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ได้ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ประกาศ “ปฏิญญารวมพลัง ยับยั้งปัญหายาเสพติด” เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริง
ปฏิบัติการนี้ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน ที่จะต้องทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ต้องจับมือกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลย จะถูกสับเปลี่ยนโยกย้ายไปทำงานอื่นแทน ส่วนผู้ที่เข้าไปเกี่ยวกับยาเสพติดจะใช้มาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาด
>> สั่งปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ รับเงินบำนาญ 30,000 พร้อมบรรจุทายาทรับราชการ
16.12 น. จากกรณีทหารเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บขาขาด วานนี้ (16 ก.ค.) ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการให้ฝ่ายกำลังพล กองทัพภาคที่ 2 ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะเป็นการปฏิบัติภารกิจ เพื่อปกป้องอธิปไตยในการออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481
โดยได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ เหตุสูญเสียฯ จากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) ได้รับเงินก้อนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ รวม 1,047,150 บาท (โดยประมาณ)
พร้อมทั้งบรรจุทายาททดแทน พี่สาว ได้ 1 คน เป็นอัตรานายสิบ และหลังจากปลดพิการ สามารถขอรับสิทธิ์ เข้าร่วมโครงการตามมาตรา 35 (3) หรือ 35 (7) ได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกันนี้ยังได้รับบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 3 (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิต)
>> ผบ.ตร.- สำนักพุทธฯ ร่วมประชุมศูนย์ทำนุบำรุงฯ กำหนดแนวทางป้องกันปราบปรามการกระทำผิดที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา
17.00 น. ที่ ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ชั้น 28 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย อินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา, เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
โดย ผบ.ตร. ระบุว่า การร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา เบื้องต้นเป็นการหารือร่วมกันกับทุกฝ่าย และจะแบ่งหน้าที่กันดูแล พร้อมติดตามความคืบหน้าของคดีที่เกี่ยวกับอดีตพระที่เกี่ยวข้องกับสีกา
>> หนุ่มวัย 24 ปีขี่รถจักรยานยนต์ ถูกต้นไม้ล้มทับร่างเสียชีวิตกลางถนน
18.13 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่มโพธิ์เพชรบูรณ์ มีเหตุ ต้นไม้ล้มทับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บ บนถนนเส้นทางบ้านถ้ำน้ำบัง ใกล้เคียงไร่ศรีวรรณ ในพื้นที่ ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน - ดำ ป้ายทะเบียน 6026 กทม. ล้มคว่ำอยู่ข้างทาง ใกล้กันพบร่างของผู้ขับขับถูกต้นไม้ล้มทับ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่าได้เสียชีวิตแล้ว จึงดำเนินการยกต้นไม้ขึ้นและนำร่างออกมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้ชาย อายุ 24 ปี
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ และมอบร่างให้อาสาสมัครนำส่งชันสูตรที่ รพ.เพชรบูรณ์ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์
>> เพลิงไหม้ภายในโรงงาน ย่านซอยเสรีไทย 87 อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนจะลุกลาม
18.30 น.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน สถานที่เกิดเหตุ ซอยเสรีไทย 87 ถนนเสรีไทย แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียว โครงสร้างเหล็กหลังคาเมทัลชีท ประกอบกิจการผลิตปุ๋ยการเกษตร ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้องเก็บของ เพลิงลุกไหม้เสียหายเครื่องปั๊มลมไฟฟ้า ลุกลามถุงกระสอบพลาสติกบรรจุปุ๋ย พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 5 ตารางเมตร อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้น้ำและพัดลมระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปั๊มลมไฟฟ้า ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 59 ปี มีอาการสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน
>> คุณลุงขับรถกระบะเสียหลักตกคลองน้ำ บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.
19.08 น. มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง อ.ท่าศาลา รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถกระบะเสียหลักตกคลองน้ำ บริเวณคลองกลาง เส้นทางระหว่างรอยต่อเขตพื้นที่ (ม.5 และ ม.2) ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ สีทอง ลักษณะพลิกคว่ำอยู่ในคลองน้ำ ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายติดอยู่ภายในยานพาหนะ โดยผู้บาดเจ็บ ไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถจับชีพจรได้ อาสาสมัครฯ ร่วมกันช่วยเหลือ นำผู้บาดเจ็บออกจากซากรถ และดำเนินการทำ CPR ช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ ก่อนมอบให้รถกู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลนบพิตำ ให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลนบพิตำ
และรับแจ้งว่า ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 52 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นบพิตำ
>> รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักชนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างทาง พังเสียหายยับเกือบสิบคัน
23.45 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยเฉพาะกิจเชียงใหม่ มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคชนกับรถจักรยานยนต์เสียหายหลายคัน และมีผู้บาดเจ็บ บนถนนวงแหวนรอบที่ 2 ใกล้เคียงโกลบอลเฮ้าส์ เขตอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
ที่เกิดเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีขาว ลักษณะเสียหลักชนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน เสียหายเกือบ 10 คัน ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทางทีมกู้ชีพเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี
>> หนุ่มวัย 36 ปีขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก เสียชีวิตบนสะพานข้ามแยกไทรม้า - ท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศร์
04.59 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก มีผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย บนสะพานข้ามแยกไทรม้า - ท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศร์ ฝั่งขาออก ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ฟอร์ซ่า สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต ตรวสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 36 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง