บัตรเครดิตอนุมัติยากขึ้น เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น-หนี้ครัวเรือนสูง ‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ คัดกรองเข้ม ลูกค้าใหม่ผ่านแค่ 50-60%
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รายได้ของผู้คนไม่โตตามต้นทุนชีวิต และหนี้ครัวเรือนแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี การปล่อยสินเชื่อผ่าน ‘บัตรเครดิต’ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้จ่ายประจำวันและเพิ่มกำลังซื้อ แต่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ของประเทศกลับเลือกที่จะ ‘เข้มงวด’ มากขึ้นทุกด้าน
ตั้งแต่การคัดกรองลูกค้า ไปจนถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ให้สอดรับกับพฤติกรรมใหม่ที่เปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19
หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือการจับมือระหว่าง ‘เซ็นทรัล’ กับ ‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ ที่ต่ออายุความร่วมมือในการออกบัตรเครดิตร่วมภายใต้ชื่อ ‘Central The 1’ เป็นรอบที่ 4 ต่อเนื่องอีก 8 ปี พร้อมกับการรีแบรนด์ยกเครื่องครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
[ ต่อสัญญา 8 ปี – รุกตลาดคนรุ่นใหม่ในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว ]
‘อธิศ รุจิรวัฒน์’ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า ปี 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของบัตรเครดิต Central The 1 ที่ร่วมมือกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2541
โดยในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปรับหน้าตาผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการ ‘รื้อ-สร้างใหม่’ ทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบบัตร ดีไซน์สิทธิประโยชน์ ไปจนถึงการใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้ตอบโจทย์ได้เฉพาะบุคคลยิ่งขึ้น
แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้อต่อการใช้จ่าย แต่บริษัทตั้งเป้าให้บัตรเครดิต Central The 1 ยังเติบโตได้ราว 10% ในปีนี้ หรือมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม 137,000 ล้านบาท และตั้งเป้าฐานลูกค้าใหม่อีก 100,000 บัญชี ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกทำได้แล้วราว 45,000 บัญชี
[ ปรับ ‘ภาพลักษณ์-สิทธิประโยชน์’ เติมเกมการตลาดที่มากกว่าคะแนน ]
ในด้านแบรนด์ บัตรเครดิต Central The 1 ได้ปรับดีไซน์ให้มินิมอลขึ้น เน้นความเรียบแต่ดูพรีเมียม ผ่านแนวคิด ‘Everything has a point’ ที่ตีความคำว่า ‘พอยท์’ ให้มีความหมายทั้งคะแนนและจุดยืนของการใช้ชีวิต
‘ชีวิน ปราชญานุพร’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด กล่าวว่า จุดเด่นที่เพิ่มเข้ามา คือ ‘T1 Dynamic Points’ ระบบการให้คะแนนแบบใหม่ที่ปรับตามพฤติกรรมผู้บริโภค
เช่น วันที่ 15 ของเดือน ลูกค้าจะได้คะแนน x10 ถึง x20 จากการใช้จ่ายกับสินค้าหรือแบรนด์ยอดนิยมที่ประกาศล่วงหน้า ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้บัตรอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องลดแลกแจกแถมเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ ลูกค้ายังได้รับสิทธิประโยชน์เดิม เช่น คะแนน The 1 สูงสุด 4 เท่า, ส่วนลด 10% ในเครือเซ็นทรัล และสิทธิพิเศษกับโรงแรม Centara และ SALA ทำให้บัตร Central The 1 มีจุดแข็งในฐานะ Lifestyle Credit Card ที่อยู่ในทุกจังหวะชีวิตของลูกค้า
[ เมื่อเศรษฐกิจชะลอ หนี้ครัวเรือนพุ่ง บัตรเครดิตต้อง ‘คัดกรองเข้ม’ ]
แม้ตัวเลขการใช้จ่ายยังเติบโต แต่ต้องยอมรับว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ผู้บริโภคหลายกลุ่มเริ่มลดการใช้จ่ายโดยเฉพาะนอกบ้าน
ข้อมูลจากกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ระบุว่า ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลของลูกค้าบัตรเครดิต Central The 1 ลดลงจาก 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาทต่อเดือน แม้อัตราการใช้งานบัตร (Active Rate) จะยังอยู่ที่ระดับสูงถึง 80%
สิ่งที่สะท้อนแรงกดดันที่แท้จริงคือการ ‘อนุมัติบัตรใหม่’ ที่ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอัตราการอนุมัติ (Approval Rate) ของบัตร Central The 1 อยู่ที่ 50-60% เท่านั้น ขณะที่อัตราการปฏิเสธ (Rejection Rate) สูงถึง 40% ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย:
• แนวโน้มรายได้ของผู้สมัครที่ลดลง
• ภาระหนี้เดิมที่สูง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกิน 90% ต่อจีดีพี
• การบังคับใช้หลักเกณฑ์ Responsible Lending ของธนาคารแห่งประเทศไทย
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยอมรับว่าสถานการณ์นี้เป็นภาพที่เห็นทั้งอุตสาหกรรม โดยทุกค่ายต้อง ‘ปรับกรอบความเสี่ยงใหม่’ เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและลดโอกาสเกิดหนี้เสียในอนาคต
[ แนวโน้มหนี้เสีย (NPL) ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุม แต่ต้องไม่ประมาท ]
แม้จะเป็นช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ แต่ข้อมูลจากบริษัทระบุว่า อัตราหนี้เสียของบัตร Central The 1 ยังอยู่ในระดับ ‘ต่ำกว่า 3%’ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และถือว่า ‘ดีกว่าปีที่ผ่านมา’ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับขั้นต่ำการชำระคืนบัตรจาก 5% เป็น 8% ซึ่งทำให้ลูกค้าลดการใช้แบบเกินตัว
นอกจากนี้ บัตร Central The 1 ยังใช้ระบบการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ โปรแกรมช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น ‘คุณสู้ เราช่วย’ และมาตรการเข้มในขั้นตอนการพิจารณาสมัครบัตร เช่น รายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป
พร้อมการตรวจสอบภาระหนี้เดิม ทำให้บัตรใบนี้ไม่ใช่บัตรที่อนุมัติง่ายสุดในตลาด แต่เป็นบัตรที่รักษาคุณภาพของพอร์ตลูกหนี้ได้ดี
[ แรงหนุนจากฐานลูกค้ากลุ่มบน – ห้างยังเป็นพื้นที่ใช้จ่าย ]
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่บัตร Central The 1 กลับได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้กลาง-บน ที่มีกำลังซื้อสูงกว่า 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป และนิยมใช้จ่ายในเครือ Central Group อยู่แล้ว
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม 62,400 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหมวดที่โตมากที่สุด ได้แก่:
ภายในเครือ Central Group
1. เซ็นทรัลออนไลน์
2. ร้านอาหารในเครือ CRG
3. ไทวัสดุ
หมวดนอกกลุ่ม Central ที่เติบโตสูงสุด
1. การเงิน/การลงทุน
2. แพลตฟอร์มส่งอาหาร
3. ประกันภัย
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะย่ำแย่ แต่ลูกค้ากลุ่มบนยังคงมีกำลังซื้อและมองหาบัตรเครดิตที่มอบความคุ้มค่าในชีวิตประจำวันได้
[ ภาพรวมอุตสาหกรรมบัตรเครดิต: เติบโตน้อยลง แต่ยังมีศักยภาพ ]
ในระดับอุตสาหกรรม บัตรเครดิตยังเติบโตแต่ช้าลง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนชีวิตที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น ภาษีทรัมป์ หรือเหตุภัยพิบัติ ก็ยังฉุดความมั่นใจของผู้บริโภค ส่งผลต่อการเดินห้าง-การจับจ่าย
แม้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะยังมียอดโตในระดับเลขสองหลัก แต่การแข่งขันกลับดุเดือดขึ้นทุกปี บัตรเครดิตรุ่นใหม่จำเป็นต้องมี คุณภาพพอร์ตลูกค้า บวกกับความสามารถในการเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจ ไม่ใช่แค่แจกพอยท์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมและจังหวะชีวิตที่เปลี่ยนไป
[ ยุคใหม่ของบัตรเครดิต – ไม่ใช่แค่ ‘ปล่อยง่าย’ แต่ต้อง ‘ฉลาด-รับผิดชอบ’ ]
การรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของบัตร Central The 1 คือสัญญาณของยุคใหม่ในธุรกิจบัตรเครดิต ที่ไม่ใช่การแข่งขันกันที่ ‘ปล่อยเร็ว อนุมัติง่าย’ แบบเดิมอีกต่อไป
แต่ต้องผสมผสานระหว่างความเข้าใจลูกค้า การควบคุมความเสี่ยง และการออกแบบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าแค่การสะสมแต้ม
ในขณะที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอน หนี้ครัวเรือนยังสูง การปรับตัวให้ ‘รัดกุมแต่ไม่ปิดโอกาส’ คือทางรอดเดียวที่ทำให้ธุรกิจบัตรเครดิตเติบโตต่อได้อย่างยั่งยืน…