“ศึกเขมร” จบเมื่อไหร่ Vs รมว.ล่องหน – หัวหมานำราชสีห์?
มี 2-3 คำที่ออกมาตอนนี้ กับปัญหา “ศึกเขมร” ภายใต้คำถามจะจบเมื่อไหร่ ที่ตั้งกับ ”รัฐบาลอิ๊งค์” โดยเปรียบเปรยการบริหารจัดการสถานการณ์ทั้งฝ่ายกองทัพที่อยู่หน้างานและหน่วยเหนือ กรณี สถานการณ์ 2ช็อตสำคัญ ทั้งเหตุการณ์ “ปืนลั่นที่ช่องบก” 28พ.ค.68 และ “3ทหาร เหยียบกับระเบิด” บาดเจ็บ 16ก.ค.68
นอกจากคำวิจารณ์ว่าไม่แอ๊คทีฟและช้า คือคำเปรียบเปรย สะท้อนภาพความรับผิดชอบไม่นับรวมภาวะ “ไร้นายกตัวจริง” ของ ทั้ง กระทรวงกลาโหม ที่ก็ไร้ เจ้ากระทรวงรัฐมนตรีว่าการ มีเพียง รัฐมนตรีช่วย “พล.อ.ณัฐพล นาควานิช” สวมหมวก ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ผู้ซึ่งโอดครวญเมื่อวาน(21ก.ค.)ถูกว่าเป็น “หัวหมานำราชสีห์” และ กระทรวงต่างประเทศและ รัฐมนตรีว่าการ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ที่ถูกหลายฝ่าย วิจารณ์ “กระทรวงล่องหน” กับ “รัฐมนตรีล่องหน” ทั้งหมดนอกจาก ถูกตั้งคำถามจะเกี่ยวข้องกับ ผลประโยชน์ ฝ่ายการเมืองหรือไม่ ยังถูกตั้งคำถามจะจัดการอย่างไรกับความเดือดร้อนของผู้คนชายแดนไทยกัมพูชา ต่อสถานการณ์ที่ลากยาวไปเรื่อย
อย่างที่ “ดร.สุรชาติ บำรุงสุข” นักวิชาการด้านความมั่นคงจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬา วิเคราะห์ผ่านรายการของ “หมาแก่” วันนี้ (22ก.ค.) ว่าแม้การแถลงของ ศบ.ทก.เมื่อวาน (21ก.ค.) เหมือนจะ เปิดยุทธการเปิดเกมโลกกลับไปที่เขมรอย่างเป็นทางการ ไล่ตั้งแต่ จะประท้วงอย่างเป็นทางการ จะฟ้องไปที่คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ฟ้องนานาชาติที่เข้าไปร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขมร
จะบรรยายสรุปต่อคณะทูตในไทย แต่ก็ยังมองว่าช้ากับโอกาสในการพลิกเป็นฝ่ายรุก จากปม “กับระเบิด” ที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บจากวันที่เกิดเหตุการณ์ 16ก.ค.ที่ไทยสามารถฟ้องต่อโลกได้เลย ทำไมต้องรอ 3 วัน โดยมองว่า หลายฝ่ายอยากเห็นท่าทีของฝ่ายการเมืองในการตอบโต้ กล้าสู้บ้าง
นอกจากนี้ในทางจิตวิทยา ตั้งแต่มีคลิปออกมา ประชาชนรู้สึกว่าไทยตกเป็น “เบี้ยล่าง” และอยู่ในสภาวะ ที่เราขยับไม่ออก -พอมีกรณี เหตุทุ่นระเบิดขึ้นมา แม้ “รองอธิบดีสารนิเทศ” จะแถลงผ่าน ศบ.ทก. เหมือนเราจะรุกกลับ แต่คนอยากเห็น ว่า เป็นไปได้ไหม ที่เราจะพลิกจากสภาวะเป็นเป็นเบี้ยล่าง กลับขึ้นมาบ้าง เพราะในเวทีระหว่างประเทศ การเป็นเบี้ยล่างแบบนี้ ยังไงก็เสียเปรียบ รวมถึง เรื่องที่รัฐมนตรี มีการออกมาพูดน้อยเรื่องประชาชน 7 จังหวัดชายแดน
ในทางจิตวิทยาเขารู้สึกว่า “รัฐบาล” ทิ้งพวกเขา ปัญหาคือ จะทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่า การแก้ปัญหารอบนี้ ไม่ใช่เอาใจคนกรุงฯ เอาใจกระแส นอกจากนี้ ยังต้องระวังกระแส “ชาตินิยม”ที่สุดโต่ง ที่ยังมีอยู่ มีการปลุกกระแสไม่หยุด และ แม้จะเห็นบทบาทของ อธิบดีสารนิเทศ ในศูนย์ศบ.ทก. แต่ก็มีคำถาม ว่า “กระทรวงต่างประเทศ”หายไปไหน “รัฐมนตรีหายไปไหน” งานอย่างนี้ “รัฐมนตรี” ต้องกล้าแถลง ต้องกล้าเอาหน้าออกบนสื่อแล้ว ไม่อยากเห็นกระทรวงต่างประเทศเป็น “กระทรวงล่องหน”
”ดร.สุรชาติ” บอกด้วยว่า ตอนนี้คนมีความรู้สึกเยอะ อยากเห็นรัฐบาลมี “ลีดเดอร์ชิฟ” หรือ “ภาวะผู้นำ” มากกว่านี้ ในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ เพราะตอนนี้เริ่มมีเสียงเรียกร้องว่า ไทยกัมพูชาแก้ไม่ได้ จีนขอแก้ได้มั้ย จีนจะเข้ามาเป็นคนกลาง หรือที่บอกว่า ถ้าแก้ไม่ได้เดี่ยวอาเซียนจะเข้ามา ซึ่งอาการนี้มีมาตั้งแต่มีเกิดปัญหา การขุดคูเรต ต้นพญาสัตบรรณ ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยมีท่าที ที่ล่าช้าและรีรอ
ซึ่งควรต้องปรับแล้ว วันนี้ การเปลี่ยนเกม ฝั่งเขมร เขาใช้เรื่อง “การปล่อยคลิปลับ” เป็นจุดพฃิกเกม แต่ “จุดเปลี่ยนเกม” ของเราก็เห็นชัด ก็คือเรื่องการ “เขมรวางทุ่นระเบิด” จะ ทำยังไงจะเห็นรัฐบาล กระฉับกระเฉง แอ๊คทีฟ ที่สำคัญ เรื่องบางเรื่องอยากเห็น การตัดสินใจ มีผู้รู้จริง
อย่างการที่ “รักษาการนายกอ้วน”เอา ตร.ภูธรปราบจลาจล ในเมืองเข้าไปชายแดนแทนที่จะเป็น ตำรวจ ตชด. และย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่ต้องเคลื่อนคือ กระทรวงต่างประเทศ เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ รมช.กลาโหม แม้จะสวมหมวกของ ผอ.ศบ.ทก. จะมานั่งแถลง เรื่องแบบนี้ อยากเห็น “มาริษ”มีภาวะผู้นำ มี ลีดเดอร์ชิฟ มากขึ้น ตนเชื่อว่าคนในกระทารวงต่างประเทศตอนนี้ รู้สึกว่า
บทบาทกระทรวง กำลังจมน้ำ ควรขับเคลื่อนมากขึ้น.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews