ตกใจมาก เปิดจำนวนเงินที่ ทิดยอดเพชร หอบมาคืนวัด
วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่วัดท่าบัวทอง ตำบลโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร นายคม ภัทรกุลประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางมาในฐานะสักขีพยานร่วมรับมอบทรัพย์สินของวัด หลังอดีตเจ้าอาวาสลาสิกขา โดยมีไวยาวัจกรวัด คณะกรรมการวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.โพธิ์ประทับช้าง และฝ่ายปกครองเข้าร่วมด้วย
เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากกรณี พระครูศรีรัตน์วิเชียร (ป.ธ.7) หรือชื่อในเวลานี้ว่า นายมหายอดเพชร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบัวทอง ได้ตัดสินใจลาสิกขาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังตกเป็นข่าวฉาวเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่รู้จักกันในชื่อ สีกากอล์ฟ จนนำไปสู่การตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและความเหมาะสมของการดำรงสมณเพศ
ภายหลังการลาสิกขา นายมหายอดเพชรได้เดินทางกลับมาที่วัดเพื่อนำทรัพย์สินต่าง ๆ มาคืนให้กับทางวัด อาทิ กุญแจกุฏิ กุญแจอุโบสถ และบัญชีเงินฝากของวัดจำนวน 3 บัญชี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามียอดเงินรวมกันไม่ถึง 200 บาท สร้างความตกใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากเงินในบัญชีที่แทบไม่เหลือแล้ว วัดท่าบัวทองยังมีหนี้ค่าก่อสร้างต่าง ๆ ค้างชำระอีกจำนวนมาก โดยมีหนี้ค่าก่อสร้างรวมประมาณ 300,000 บาท และยังมีหนี้ค่าก่อสร้างศาลากลางน้ำอีก 160,000 บาท ซึ่งยังไม่มีการจ่ายค่าจ้างแต่อย่างใด คณะกรรมการวัดและไวยาวัจกรได้รับทราบสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว และมีแผนจะเร่งหาทางจัดการหนี้สินหากมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกจับตามองคือ เครื่องไฟฟ้ามูลค่ากว่า 500,000 บาท ที่นายมหายอดเพชรเคยยืมจากชุมชนหมู่ 1 ตำบลโพธิ์ประทับช้าง เพื่อนำไปใช้ในงานแข่งเรือเมื่อปี 2567 แต่หลังจากเสร็จงานกลับไม่ได้นำมาคืนชุมชน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุด สภ.โพธิ์ประทับช้างได้เรียกตัวนายมหายอดเพชรไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว
ด้านนายคม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร ระบุว่าการเข้าร่วมครั้งนี้เป็นการร่วมเป็นพยานในการรับมอบเอกสารและทรัพย์สินของวัด พร้อมกล่าวถึงกรณีเงินในบัญชีที่ไม่ถึง 200 บาทว่า อดีตเจ้าอาวาสต้องเป็นผู้ชี้แจงต่อเรื่องนี้ เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ไม่เคยมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายวัดอย่างเป็นระบบ ทั้งที่ตามระเบียบของกระทรวง ระบุชัดว่าไวยาวัจกรต้องดูแลบัญชี และเจ้าอาวาสต้องรับทราบ หากไม่มีการดำเนินการ ถือว่าผิดระเบียบของมหาเถรสมาคม
จากกรณีนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความประพฤติส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาในการบริหารจัดการวัด การตรวจสอบบัญชี และการรักษาทรัพย์สินที่ต้องมีความโปร่งใส เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในวัดอื่นในอนาคต