‘หลานทักษิณ’ พบ ‘โปลิศไซเบอร์’ เอาผิดมือตัดต่อโพสต์ใส่ร้าย ทำให้เสียหาย
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหลานสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เพื่อแจ้งควมเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับผู้ที่นำภาพไปตัดต่อ พร้อมใส่ข้อความ กล่าวหาใส่ร้ายตนเองทำให้เกิดความเสียหาย
น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหลานสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาร้องเรียนกับตำรวจ สอท. ที่มีการกล่าวร้าย ซึ่งมีหลายเคส และนอกจากที่มีการกล่าวร้ายแล้ว ยังมีการหมิ่นประมาท ซึ่งได้มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน ไว้แล้ว ซึ่งเป็นการนำภาพไปตัดต่อ แล้วใส่ข้อความที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งภาพและข้อมูลที่นำไปตัดแปะไม่ได้เป็นความจริง โดยส่วนตัวไม่อยากฟ้องร้องใคร แต่ในเมื่อที่มีการส่งต่อข่าวออกไปจนเป็นไวรัล ก็คงต้องออกมาขอความเป็นธรรมกับกระบวนการยุติธรรมให้กับตัวเองบ้าง
จริง ๆ แล้วในเวลาที่สถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ ไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะไหนหรืออยู่ในตำแหน่งอะไร ทุกคนก็ต่างช่วยกันให้ประเทศสามารถที่จะต่อสู่กับสถานการณ์ที่กำลังต่อสู้กับภัยนอกประเทศ เราต้องช่วยกันมากกว่าที่จะมานำข้อมูลที่เป็นเท็จมากล่าวร้ายเพื่อให้พวกเรามาแตกแยกกันเอง แล้วก็ไม่มีใครอยากจะมาฟ้องร้องหรือเอาเรื่องกับใคร ซึ่งมันทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา ยอมรับตอนนี้ตนเองรู้สึกเสียกำลังใจ และบั่นทอนจิตใจเป็นอย่างมาก นอกจากจะมาขอความเป็นธรรมแล้ว อยากขอความเห็นใจกับสังคมในเรื่องนี้ด้วย ยอมรับว่ามีหลายกลุ่มที่มีการโพสต์ในลักณะนี้ ซึ่งมันเยอะมากถึงขนาดมีการส่งต่อมาถึงคุณแม่ และคนที่ทำงานด้วย จนทนไม่ไหวจึงต้องเดินทางมาแจ้งความในวันนี้
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการตัดต่อภาพเอาข้อความมาแปะ ซึ่งภาพก็เป็นภาพของผู้ร้องทุกข์ แต่ข้อความนั้นไม่ได้เป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยหลังจากนี้ทางตำรวจไซเบอร์ก็จะมีการตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของความผิดก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในกรณีมีการตัดต่อ บิดเบือน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งในเบื้องต้นมีการแจ้งเอาผิดเพียง 1 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการ.