อดีต ป.ป.ช.จ่อซวย!?! สว.พบเส้นเงินค่าพยาบาล มาจากบัญชีคนอื่น
อดีต ปปช.จ่อซวย!?! สว.พบเส้นเงินค่าพยาบาล มาจากบัญชีคนอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนตามกฎหมายการพ้นตำเเหน่ง/ครบวาระของกรรมการป.ป.ช. นั้น เมื่อกรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่ง จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อประธานวุฒิสภาภายใน 60 วันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง ต่อประธานวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เมื่อกรรมการ ป.ป.ช. ได้ยื่นบัญชีฯต่อประธานวุฒิสภาแล้ว ประธานวุฒิสภาจะส่งบัญชีฯดังกล่าวไปยังคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินที่ประธานวุฒิสภาแต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นก่อน พร้อมทั้งเปิดเผยบัญชีดังกล่าวให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปภายใน 30 วันนับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่นบัญชี
สำหรับแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของกรรมการ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการฯ ดังกล่าว จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหลัก โดยจะนำรายรับตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งมาเปรียบเทียบที่มาของทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้ยื่นไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อคณะกรรมการฯ ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเสร็จแล้ว จะจัดทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งประธานวุฒิสภาจะได้เปิดเผยผลการตรวจสอบให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปต่อไป และหากผลการตรวจสอบพบว่ากรรมการ ป.ป.ช. ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ขั้นตอนกฏหมายกำหนดให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
รายงานข่าวจาก สว. เเจ้งว่า จากกรณีข้างต้นพบว่ามีกรรมการ ป.ป.ช.บางรายที่พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้วระยะหนึ่งได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้ตรวจสอบนั้น มีข้อมูลว่าคณะกรรมการฯ ที่ประธานวุฒิสภาตั้งขึ้น พบเหตุอันควรสงสัยบางรายการ คือ รายจ่ายที่เป็นค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวของอดีตกรรมการ ป.ป.ช.คนนั้น ที่มีการโอนเงินชำระต่อสถานพยาบาล พบว่า เส้นเงินการโอนไม่ได้มาจากบัญชีของอดีตกรรมการป.ป.ช.คนนั้น
รายงานข่าวจากสว.เเจ้งว่า คณะกรรมการฯ จึงขอให้อดีตกรรมการป.ป.ช.คนนั้น ชี้แจงรายละเอียดที่มาของเงินพร้อมกับหลักฐานต่าง ๆ ว่า เหตุใดจึงใช้บัญชีของผู้อื่นเป็นผู้โอนเงินชำระค่ารักษาพยาบาลแทน และจากข่าว สว พบว่าอดีตกรรมการป.ป.ช.คนนั้นได้ขอเลื่อนการเข้าชี้แจงมาหลายครั้งและการเข้าชี้แจงก็ไม่ชัดเจนรวมทั้งไม่มีหลักฐานยืนยัน
“กรณีนี้จึงทำให้เกิดข้อสงสัยในพฤติกรรมว่า อดีตกรรมการป.ป.ช.ผู้นั้น เป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายเสียเองหรือไม่ ซึ่งหากผิดจริงอาจถูกลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 128 และมาตรา 169
และรายการค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลของอดีตกรรมการป.ป.ช.คนนั้น คล้ายๆ ว่าจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นหรือไม่ ซึ่งอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 168 ”รานงานข่าวจากสว.ระบุ
ในส่วนของเงินที่โอนไปชำระนั้น รายงานข่าวจาก สว. ระบุว่า หากมูลค่าเกินสามพันบาท จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา103 เเละหากเป็นเงินที่มาจากบัญชีที่ผิดกฎหมายฟอกเงิน กรณีนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงินอีกด้วย
รายงานข่าวจาก สว.กล่าวว่า ทราบว่า กรณีอดีตกรรมการป.ป.ช.คนนี้อาจจะไปพัวพันกับการพิจารณาคดีของบิ๊กข้าราชการรายหนึ่งที่เคยมีอิทธิพล ในสำนักงานป.ป.ช.เมื่อหลายปีก่อน เเละอาจจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการภายในสำนักงานปปช .บางคนที่ร่วมมือช่วยเหลือบิ๊กข้าราชการคนนี้หลายวาระ เเต่ล่าสุดคณะกรรมการ ปปช. ชุดปัจจุบัน ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทางลับแล้ว โดยทราบว่าประธานปปช.คนปัจจุบันได้มีนโยบายให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับในเรื่องลักษณะแบบนี้ ทำให้ข้าราชการในสำนักงานปปช.บางรายที่เคยช่วยเหลือบิ๊กข้าราชการคนนี้ กังวลกันว่าเรื่องนี้จะบานปลายออกไปแค่ไหนเเละใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง