‘พิชิต’ ยัน ไม่หนุนรัฐประหาร แต่เคียงข้างกองทัพ สร้างแรงกระเพื่อมรัฐบาล
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมด้วย นายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำกลุ่ม คปท. ร่วมแถลงข่าวภายหลังจบการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทยวานนี้ โดย นายพิชิต กล่าวว่า ภาพรวมวานนี้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยผ่านไปด้วยดี มีประชาชนจาก กทม.และต่างจังหวัดเข้ามาร่วมแสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตย เป็นการชุมนุมที่สงบและได้รับความร่วมมือจากทั้งประเทศ ถึงแม้ฝนจะตกแต่ก็ไม่มีถอย แสดงให้เห็นถึงพลังบริสุทธิ์ในการออกมารักษาอธิปไตย และข้อเรียกร้องที่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลาออก และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว หลังจากนี้ ก็จะเฝ้าติดตามจะเข้มข้นขึ้น ซึ่งหลังวันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป และจะชี้แจงท่าทีอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าแกนนำของคณะรวมพลังแผ่นดินฯ บางคนเรียกร้องรัฐประหาร นายพิชิต มองว่า วันนี้เป็นที่แปลกใจที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลประสานเสียงร่วมกันในการมากล่าวหาพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม “ไม่รู้ว่าฝ่ายการเมืองกลัวธงชาติไทยขนาดนี้เลยเหรอ” แทนที่พรรคฝ่ายค้านอยากให้ประชาชนจะไปทำงานตรวจสอบรัฐบาล และเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แสดงสปิริตด้วยการลาออก แต่พรรคฝ่านค้านกลับมาตรวจสอบประชาชนว่าเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหาร
นายพิชิต ยืนยันว่า แนวทางของคณะรวมพลังแผ่นดินไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และให้พรรคร่วมถอนตัว รวมถึงยืนเคียงข้างสนับสนุนกองทัพในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่การเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหาร
"พรรคประชาชนไม่ต้องกลัวธงชาติ และพรรคเพื่อไทยไม่ต้องกลัวเสียงของประชาชนหรอก ดังนั้นพลังของมวลชนหลังจากนี้จะยิ่งใหญ่กว่านี้ และหลังจากนี้ก็จะระดมกันมากขึ้นเพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวใหญ่ เพราะหลังจากนี้ไม่ใช่การลาออกเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับเพื่อไล่รัฐบาลทั้งคณะ และพื้นที่ชุมนุม ไม่ใช่แค่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเท่านั้นแต่พื้นที่การชุมนุมคงจะประชิดทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ปิดล้อมทำเนียบ"
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากรัฐบาลลาออกจริงๆ การชุมนุมของทางกลุ่มก็ยังไม่หยุดแค่นี้และไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากรัฐบาลชุดนี้ นายพิชิต ระบุว่า อยู่ที่เงื่อนไขของรัฐบาล แน่นอนว่าแม้มีการลาออกอาจจะให้นายชัยเกษม นิติสิริ มาเป็นนายกฯ ก็อยู่ที่เงื่อนไขของรัฐบาลว่าจะเดินหน้าของการปกป้องอธิปไตยหรือไม่ แม้พรรคไหนจะเป็นรัฐบาล แต่ทิศทางการขับเคลื่อนธงคือ ต้องปกป้องอธิปไตย และไม่เอาเรื่องขัดศีลธรรมคือเรื่องกาสิโน
ทั้งนี้แม้จะมีการทูลเกล้าฯ รายชื่อ ครม.ไปแล้วก็ยังมีเวลาในการถอนตัว โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อให้ถอนตัวอย่างเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาก็ไปพรรครวมไทยสร้างชาติมาแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ
ส่วนกรณีการพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 ก.ค. ก็คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยวันที่ 1 ก.ค. แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินจะมีการหารือกันในการเตรียมพร้อม กำหนดท่าทีและจะแถลงข่าวอีกครั้ง ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ น.ส.แพทองธาร ก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้นั้น นายพิชิต บอกว่า ถึงเวลานั้นก็ต้องไล่รัฐบาลกันทั้งคณะ
ส่วนกังวลหรือไม่ว่า กรณีข่าวที่ว่าแกนนำของคณะรวมพลังแผ่นดินฯ บางคนเรียกร้องรัฐประหาร จะถูกนำไปขยายความทำให้การชุมนุมใหญ่ในครั้งต่อไปนี้คนจะไม่เข้าร่วมชุมนุม นายพิชิต ระบุว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อว่าผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุมเมื่อวานนี้ มีความชัดเจนในเชิงเป้าหมายคือ ไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี
ส่วนกังวลหรือไม่ว่า กรณีประเด็นรัฐประหารจะถูกนำไปทำให้รัฐบาลใช่เป็นเงื่อนไขในการดำเนินคดี นายพิชิต ระบุว่า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ จะดำเนินคดีก็คงไม่มีอะไรที่สามารถดำเนินการได้ และแกนนำทุกคนไม่มีใครกลัวคดี เพราะทุกคนเคยผ่านคดีมาทั้งนั้น ทั้งคดีกบฏ และคดีก่อการร้าย จึงไม่เกรงกลัวว่ารัฐบาลจะเอากฎหมายมาขู่ว่าดำเนินคดีกับแกนนำ
นายพิชิต ยังบอกอีกว่า การมาชุมนุมเมื่อวานนี้ ที่ทางแกนนำประเมินว่าพี่น้องแสดงพลังกว่า 100,000 คน ทำให้ลบคำปรามาสไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือนักวิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆ ดังนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า มวลชนพร้อมออกมาปกป้องอธิปไตย และเมื่อวานเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นจุดไม่ขีดเท่านั้น และการมีคนมีชื่อเสียงมาร่วมถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะการชุมนุมเมื่อวานเป็นการรวมกันของทุกกลุ่มสีและเป็นสีธงชาติสีเดียวกัน
ส่วนการชุมนุมและการมาแสดงพลังเมื่อวาน มองว่าจะส่งผลไปถึงรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหนนั้น นายพิชิต มองว่า ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอย่างมาก ไม่เช่นนั้นโฆษกพรรคเพื่อไทยคงไม่รีบออกมาชิงประเด็นตอบโต้ โดยไม่พูดถึงข้อเรียกร้อง และเป็นการกล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมเรียกร้องรัฐประหาร เหมือนเป็นการเอากระพี้มาอธิบายแก่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกข้อเรียกร้อง 3 ข้อตามแถลงการณ์มาตลอด ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการชุมนุม ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลจะอธิบายเรื่องดังกล่าวก็ไม่มีปัญหา แต่อย่ามากล่าวหาผู้ชุมนุม และอย่าดูถูกนำใจของผู้ชุมนุมว่าเป็นแผ่นเสียงตกร่องเรียกร้องการรัฐประหาร พร้อมย้ำว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มไม่เคยมีการเรียกร้องรัฐประหารใดๆ ทั้งสิ้น และการเรียกร้องในวันนี้ไม่ใช่แค่การเรียกร้องในการเปลี่ยนขั้วอำนาจแต่เป็นการเรียกร้องเพื่อปกป้องอธิปไตย