‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ลงสนามแข่ง ‘ชาเย็นไม่ใส่สี’ ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 35 แห่งภายในปีนี้
กระแสเกี่ยวกับ ‘ชาส้มแต่ไม่ส้ม’ยังเป็นที่พูดถึงในเวลานี้ แม้ว่าหลายๆ แบรนด์จะเปิดตัวกันไปแล้ว รวมถึงแบรนด์น้องใหม่วัย 2 ปี อย่าง ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ที่ลงไปเล่นในสนามนี้ด้วย ตั้งแต่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
ความสำเร็จของแบรนด์นี้น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เพิ่งฉลองยอดขาย 1 ล้านแก้วเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ทำธุรกิจมา
นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็นสินค้าจาก ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ วางขายที่อื่น เช่น ขนมปังชาเย็น Bow x ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน และ สก๊อตสมาร์ทซชาเย็น ที่วางขายใน 7-Eleven กว่า 15,000 ทุกสาขา
รวมไปถึง การแตกไลน์สินค้าเป็น ‘ชาเย็น 3 in 1’ ซึ่ง ‘วิว-พันธ์ทิพย์ ดีเจริญ’เจ้าของร้าน ได้พูดถึงตั้งแต่ที่ให้สัมภาษณ์กับ TODAY Bizview เมื่อช่วงต้นปี 2568
สำหรับเธอ ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ไม่ได้จำกัดความแค่ ‘เครื่องดื่ม’ แต่หมายถึงทุกอย่างที่มีเบสเป็น ‘ชาเย็น’ แม้แต่ ‘สีส้ม’ ที่สัญลักษณ์ของความเป็นชาส้ม เธอก็คิดว่าสามารถนำมาคิดนอกกรอบได้
“ชาเย็น คำๆ นี้สำหรับ วิว มันคือสี, กลิ่น, รสชาติ, น้ำ อะไรก็ได้ที่สามารถ transform ไปเมนูอื่นได้ ทั้งที่เป็นขนม เครื่องดื่ม หรือ non-foods ก็ด้วย”
“เราเน้นทำแบรนด์ดิ้งชัด ทำให้ชาเย็นเข้าถึงง่าย เรามองคำว่า ‘ครีเอทีฟ’ มันไม่มีวันสิ้นสุด มันมีความแปลกใหม่ไปเรื่อยๆ คือเราสามารถดิ้นได้ในทุกโอกาส”
[ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน ตั้งเป้าขยายสาขา 35 แห่งปีนี้ ]
ฟีดแบ็กในโลกโซเชียลของแบรนด์นี้เรียกว่าถูกพูดถึงอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าสงครามชาไม่ส้มจะเริ่มลุกลามไปหลายแบรนด์ ซึ่งทางแบรนด์เผยว่า ชาเย็น (สูตรไม่ใส่สี) ทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคได้รับกระแสตอบรับดีมากๆ พอๆ กับเครื่องดื่มเมนูอื่น
ปัจจุบันร้านฉันจะกินชาเย็นทุกวันมีทั้งหมด 19 สาขา ตั้งเป้าจะขยายร้านภายในปีนี้ให้ครบ 35 สาขา โดยยังเป็นโลเคชั่นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ในอนาคตมีแพลนที่จะขยายไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ
ช่วงไตรมาสแรกปี 2568 ยอดทราฟฟิกต่อวันของร้านฉันจะกินชาเย็นทุกวัน สาขาบรรทัดทอง เฉลี่ยแล้วตกวันละประมาณ 1,000 แก้ว แม้ว่าแต่ละสาขายอดขายจะไม่เท่ากัน แต่สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยยังนิยม ‘ชาเย็น’ และเปิดใจกับแบรนด์ใหม่ๆ ด้วย
[ กลยุทธ์เน้น collab กับ Wow moment ]
สถานการณ์ในปัจจุบันนอกจากความกังวลเรื่องกำลังการซื้อของผู้บริโภค ยังคงประเมินคู่แข่งในตลาด และกลยุทธ์ของผู้เล่นรายอื่นด้วย
สำหรับกลยุทธ์ของ ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ยังคงเป็นเรื่องการ collaboration จับมือร่วมกับแบรนด์อื่น เพื่อพัฒนาสินค้าที่แตกต่างและใหม่ในตลาดให้ผู้บริโภคได้ลอง
นอกจากนี้ วิว-พันธ์ทิพย์ให้ความสำคัญกับ ‘Wow moment’ เธอเชื่อว่า การที่ลูกค้าเห็นแบรนด์สม่ำเสมอ เห็นความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ได้ เป้นการสร้างแบรนด์ดิ้งอย่างหนึ่ง
“เทรนด์ธุรกิจอาหารถือเป็นความท้าทายมากๆ เพราะมาเร็วไปเร็ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้อง stand อยู่ในโซเชียลให้ได้นานๆ ทำให้ลูกค้าเห็นเราอยู่เรื่อยๆ พยายามหาโปรดักส์ใหม่ ออกแคมเปญใหม่สม่ำเสมอ”