ใจสลายซ้ำสอง! พ่อแม่ “น้องเมย” รับไม่ได้ คนทำร้ายลูกได้ใส่เครื่องแบบตร.
กรณี“นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือ “น้องเมย” อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัย โดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร ก่อนคดีจะสิ้นสุด ถูกศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี พิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี การตัดสินคดีดังกล่าว ทำสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ครอบครัวใจสลายซ้ำสอง
รายการ โหนกระแส วันที่ 23 ก.ค. ดำเนินรายการโดย“หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ พ่อพิเชษฐ์ - แม่แหม่ม พ่อกับแม่น้องเมย , รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว., ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมาย สภาทนายความ
ไม่คิดว่าต้องมาทำเรื่องนี้อีก?
แม่แหม่ม : ก็.. ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนี้ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ (ร้องไห้) เราพยายามเดินสู่กระบวนการด้วยตัวของเรา โดยไม่มีใครเข้ามาช่วย แม้แต่ขอให้ตร.ทำสำนวน เรายังโดนพูดเลยว่าคดีลูกคุณสิ้นเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ (ร้องไห้) มันเจ็บนะ เราไปจู้จี้เขามากเหรอ ลูกเราตายไปทั้งคน อีกหนึ่งนายตำรวจเจ้าของคดี เราไปฟังผลจากแพทย์นิติฯ เรียบร้อยแล้ว หมออธิบายแล้วว่าเกิดอะไร ให้ไปตั้งเลย สุดท้ายสำนวนมันไม่ใช่ มันคนละเรื่อง สุดท้ายแล้วเขาบอกกับแม่ว่า คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก (ร้องไห้) ผมยังไม่อยากตาย แล้วแม่เองจะพึ่งใคร
ต่อสู้มา 8 ปี พอฟังคำพิพากษาศาลทหารก็ใจสลาย ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้น?
แม่แหม่ม : ตอนนั้นเป็นเรื่องการใช้บันไดที่ห้ามนักเรียนใหม่ขึ้น เมยได้รับการชักชวนได้รับอนุญาตให้ขึ้นบันไดนั้นถูกต้อง สุดท้ายพอแยกย้ายกันไป เจ้าเมยก็ดันมาเจอกับจำเลยคนนี้ นักเรียนบังคับบัญชาคนนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ หาว่าเขาใช้บันไดโดยพลการ เมยบอกว่าผมมากับพี่อีกคนนึง ผมกำลังจะแยกย้ายเข้าห้องเหมือนกัน เขาบอกว่ากูไม่เชื่อหรอก มึงกูโกหก คำนี้ติดตัวมาตั้งแต่ปี 60 เขาว่าเมยโกหก สุดท้ายเราไม่ได้รู้อะไรเลย เราเป็นคนนอก กองทัพเขาทำการสอบสวน เราต้องไปหาขอข้อมูลข่าวสาร เขียนเข้าไปขอ ขอตรงๆ ไม่ได้ เพราะเราเป็นคนธรรมดา เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกเอกสารเหล่านั้นออกมา ซึ่งใช้เวลาปีกว่า สุดท้ายเรื่องทำร้ายร่างกายมันส่งศาล เมยก็ติดตัวไปว่าเมยเด็กโกหก ทำผิดระบบกิตติศักดิ์ ซึ่งแม่กำลังแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องบันไดเอง ที่ทำให้เมยหมดสติไป 30 นาที หมอให้การกับศาลว่าใช้การกู้ชีพขั้นสูง
เรื่องบันไดพอโดนตำหนิ โดนสั่งซ่อมเลย?
แม่แหม่ม : ใช่ ให้มาหาพี่ ตอนนั้น ตอนนี้ ครั้งเดียว เขาก็สู้ว่าเป็นการอบรมสั่งสอนน้อง ที่น้องทำผิด เขาธำรงวินัยตามปกติก่อนครั้งแรก เราก็ไม่รู้นะ เขาพากันไป 3 ครั้ง สั่งสอนหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ครั้งที่สองก็พาไปห้องน้ำอีก ยังไม่พอหรือยังไงก็ไม่รู้ พอครั้งที่ 3 เที่ยงคืน ก็ยังเรียกไป จนเขาหมดสติ อันนี้น่าจะหนัก
มีภาพจากกล้องวงจรปิดในขณะนั้น ที่น้องเดินอยู่ เขาโดนหรือยัง?
แม่แหม่ม : หลังจากโดนมาประมาณเดือนนึง เสียศูนย์ค่ะ
มีผู้พันคนนึงเกี่ยวข้องด้วย?
แม่แหม่ม : ใช่ เขาขึ้นไปกองแพทย์ หลังจากนั้นเด็กปิดเทอมแล้วกลับมาเรียนได้สักประมาณกี่วันก็กลับมาบ้านอีกครั้งนึง ก่อนกลับมา เขาบอกว่าเขาตกบันได เราก็บอกห๊ะ ตกบันได โอเค งั้นแม่พาไปหาหมอ พาไปตรวจร่างกาย เราไปรับเมย แล้วเมยบอกเองว่าเขาตกบันได แม่ก็พาไปหาหมอนะ กลัวกระดูกหัก กระดูกร้าวหรือเปล่า เสร็จเรียบร้อยแล้วผลออกมาปกติหมด หัวใจปกติ กระดูกปกติ ปัสสาวะปกติไม่มีอะไรอักเสบ มีบวมนิดหน่อย แม่ก็ส่งเขากลับบ้าน แค่หนึ่งคืน หลังส่งเขากลับไป เกิดอะไรขึ้นกับลูกแม่อีกครั้งนึง จนเขาหมดสติที่โรงเลี้ยง (ร้องไห้) แล้วหามตัวส่งที่โรงแพทย์ มันเกิดอะไรขึ้น
ผมมีโอกาสคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวน้องเมยเมื่อ 8 ปีก่อน ต.ค.นี้ 8 ปี น้องเสียชีวิต 17 ต.ค. เรื่องดำเนินมาเรื่อยๆ?
แม่แหม่ม : แม่ก็อยากพูดว่าหลังจากการทำร้ายร่างกายในวันที่ 23 ส.ค. เมยได้มีใบรับรองแพทย์ว่าห้ามฝึก ให้หยุดพักการฝึก แต่ลงกองแพทย์เมื่อไหร่ เจอพี่เมื่อไหร่ก็โดนทุกครั้ง บาดแผลจะหายเมื่อไหร่ ความเจ็บจะหายเมื่อไหร่ โดนซ้ำโดนซาก โดนจนวันตาย
นพ.วีระศักดิ์ : ก่อน 23 ส.ค. โดนธำรงวินัย เอาหัวปักพื้นแล้วมีอาการเจ็บ
แม่แหม่ม : ใช่ค่ะ โดนต่อเนื่อง ที่กู้ชีพขึ้นมา แล้วไม่มีโอกาสได้พักเลย เจอเมื่อไหร่สั่งเมื่อนั้น (เสียงสั่นเครือ) คุณแม่ไม่พูดปากเปล่านะ ไม่มีใครบอกเราเหรอ ที่เรารู้เพราะคุณแม่ขึ้นกองแพทย์ไปขอเอกสารเขาทั้งหมด เรามีหลักฐานแค่นี้ที่จะสู้กับเขา
เขาแถลง 10 ต.ค. และ 17 ต.ค. คุณพ่อคุณแม่ฟังแล้วมองยังไง สิ่งที่เขาพูดผ่านไป 8 ปี?
พ่อพิเชษฐ์ : เรื่องตกบันได เอะอะก็อ้างแต่ลูกตกบันได ผมเอาลูกผมมาตรวจร่างกายที่สมิติเวชศรีราช 10 หรือ 11 ในช่วงเขาหยุด ไม่มีอะไรเลยกับร่างกายเขา ไม่พบกระดูกหักหรืออะไรเลย วันที่ 13 ก็ส่งกลับเข้าโรงเรียน เราไปตรวจให้ข้อสงสัยมันเป็นประจักษ์ แต่หลังวันที่ 15 วันที่ 16 ต่อ 17 เช้า ที่ผมพอทราบ แต่เราไม่มีหลักฐานอะไร คืนนั้นแหละสำหรับลูกผม
นพ.วีระศักดิ์ : ตอนไปที่สมิติเวชศรีราช มีทำฟิล์มเอกซเรย์มั้ย กระดูกซี่โครงซี่ที่ 4
แม่แหม่ม : ไม่มีค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย
พ่อพิเชษฐ์ : ร่างกายไม่มีอะไรเลย ปกติ จะมีฟกช้ำนิดๆ หน่อยๆ ก็เรื่องปกติ
พอ 17 ต.ค. น้องเสียชีวิต กลายเป็นอีกแบบ?
พ่อพิเชษฐ์ : ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้ มารู้ตอนผ่าตัดครั้งที่ 2 หลังทำพิธีศพเสร็จแล้ว 1 พ.ย. มีการผ่าศพอีกครั้ง ถึงเริ่มรู้ว่าอวัยวะน้องไม่มีเหลือเลย เมี่ยงก็เล่าต่อว่าพ่อ หนูได้สั่งผ่าน้องขึ้นตรงๆ เซาะซี่โครงที่สงสัยข้างซ้ายซี่ที่ 4 ที่หัก หักจริงมั้ย ก็หักจริงๆ แล้วเกิดได้ยังไง อยากฝากให้ลองตรวจสอบอีกที วงจรปิดเห็นแค่นี้ทั้งหมด อย่างอื่นไม่มีเลย เสียทั้งหมด โดยเฉพาะตกบันได ภาพวงจรปิดไม่มีให้เห็นเลย จะพูดกี่ครั้งก็ไม่มี แต่ก็พูดอยู่นั่นแหละว่าตกบันได ผมก็สงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ ผมยังถามลูกผมเลยว่าทำไมเมยตกบันไดบ่อยจังเลย ลูกผมก็ไม่กล้าตอบ ไม่กล้าพูดอะไร ลูกบอกว่าอยากเรียน ออกมั้ยก็ไม่ออก เด็กเขาอยากเรียน เขาไม่พูดเลยนะ
แม่แหม่ม : แม่ฟังจากคำพูดของเขา เขาบอกก่อนแม่มา ทางโรงเรียนมาสอบปากคำผมแล้ว ผมพูดได้แค่นี้ ถ้าผมพูดมากกว่านี้ พี่เขาไม่ได้เรียนต่อ คุณทำอะไร เขาเป็นห่วงคนอื่น เขามีความหวังว่าเขาอยากเรียน คนอื่นก็ต้องอยากเรียน ถ้าเขาพูดตัดอนาคตคนนี้ไปมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่ทำไง (เสียงเครือ)
ทนายแก้ว คดีมันมีทางไปต่อมั้ย?
ทนายแก้ว : เรื่องรูปคดีต้องเปลี่ยนเป็นฐานความผิดอื่นครับ กรณีที่ไปแจ้งความเรื่องสมอง อวัยวะที่สูญหาย หรือตร.ที่ตั้งฐานคดีเป็นอย่างไร ก็ต้องว่ากันไปตามนั้นครับ
เรื่องรุ่นพี่คนนี้ถือว่าจบไปแล้วเหรอ หรือยังไง?
ทนายแก้ว : ก็ต้องถือว่าจบไปแล้วครับ เพราะศาลทหารถือว่าเป็นศาลฎีกาที่พิพากษาเสร็จเด็ดขาดกันไปแล้วครับ ก็เหลือแต่คดีแพ่งว่าจะเรียกร้องให้หน่วยงานไหนรับผิดชอบ
พ่อสงสัยรุ่นพี่คนนี้ สุดท้ายไปเป็นตร. แล้วไปเป็นยังไง ในเมื่อติดคดี?
พ่อพิเชษฐ์ : ใช่ครับ ผมก็ยังสงสัย
ณ วันนั้น น้องเมยไม่ได้โกหกเรื่องบันได แต่มีบุคคลนึงพยายามบอกว่าลูกโกหก คำตัดสินของศาลก็น้อมรับนะ แต่น้องเมยกลายเป็นคนโกหกไปได้ยังไง แล้วอวัยวะน้องเมยหายไปไหน เพราะขณะนั้นเหมือนชันสูตรพลิกศพ ผ่าชันสูตร สุดท้ายสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ทุกส่วนหายไป?
แม่แหม่ม : เมี่ยงบอกว่ามีแค่เศษที่ติดอยู่แค่นั้นเอง
เรื่องนี้มันยังไง?
นพ.วีระศักดิ์ : เดิมผ่าชันสูตรศพ ก็จะมีแนวคิดเรื่องการผ่า อาจมีข้อกฎหมายในอนาคต อาจต้องตรวจซ้ำเพื่อดูว่าอวัยวะนั้นมีการบาดเจ็บหรือมีพยาธิสภาพอะไรเพิ่มเติม ก็จะมีการเก็บอวัยวะ เช่น สมอง หัวใจ ปอด แช่อยู่ในฟอร์มาลีน เพื่อรอการตรวจสอบในอนาคต ถ้ามีข้อแย้งหรือข้อใดก็ตาม ผมเข้าใจว่าคดีนี้ ผมฟังคุณเมี่ยงที่พูด และอ้างข้อกฎหมาย ป.วิอาญา ดูไล่ข้อกันว่าตกลงมีการเก็บตรงไหน ตรงไหนที่ระบุให้เก็บได้ ท้ายที่สุดผมเข้าใจว่าหลักปฏิบัติ ณ ตอนนั้นจนปัจจุบัน น้อยคนละเก็บ อย่างผมเองจะเก็บ ก็เก็บเป็นชิ้นเท่า 1x1 เซนฯ เก็บเลือกเอาเฉพาะจุดที่น่าจะมีพยาธิสภาพ และเก็บชิ้นเนื้อเพื่อทำเป็นแผ่นสไลด์เพื่อดูกล้องจุลทรรศน์ ถ้าจะเก็บใหญ่ต้องขอทางญาติ แต่ก่อนหน้านั้นหลักปฏิบัติมันก็อีกแบบนึง มองเรื่องการเอาไปใช้ประโยชน์ในทางคดี เรื่องการตรวจซ้ำอะไรต่างๆ แต่ประเด็นนี้ พอเอาไปแล้ว ญาติมาทราบในภายหลัง เพราะตามข่าว มีการผ่าชันสูตรรอบที่สอง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีการแจ้งว่าไม่ได้สูญหายไปไหน มีการส่งมอบคืนให้แล้วด้วย
พ่อพิเชษฐ์ : เดี๋ยวก่อนครับ ที่ว่าไม่สูญหายไปไหน ใครเป็นคนตอบครับ
นพ.วีระศักดิ์ : ผมติดตาม ตามข่าวครับ เห็นมีการส่งมอบคืนให้ด้วย แต่หลังจากนั้น ผมก็ได้ยินแต่ข่าว อาจไม่มีการยืนยันด้วยว่าตกลงใช่หรือไม่ใช่ เป็นของใครหรือเปล่า ก็ต้องถามคุณพ่อคุณแม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไงกันแน่
พ่อพิเชษฐ์ : วันที่ผมไปรับอวัยวะที่พระมงกุฎ นักข่าวเยอะมาก ผอ.กองพยาธิวิทยาของพระมงกุฎ ก็ออกมาแถลงข่าว แล้วเขาก็พูดกับผมว่าคุณต้องเชื่อผม คุณต้องฟังผม นี่อวัยวะลูกคุณ ผมก็ถามว่าที่ผ่ามาแล้ว ในร่างลูกผมไม่มีอวัยวะเลยมันเพราะอะไร ทำไมถึงไม่แจ้งผมด้วย ถ้าวันที่ 25 ผมเผาไปแล้ว ผมจะเหลืออะไร นี่ไงครับ แอบศพแอบจริง ถ้าผมเผาก็หมดเลย ผมสงสัยว่าการผ่าพิสูจน์ธรรมดา เข้า 17 ตอนกลางคืน วันที่ 18 ก็คงจบแล้ว แต่อันนี้ไม่ใช่ ของลูกผมเข้า 17 วันที่ 18 เอาศพมาทำพิธีทางศาสนาไม่ได้ 19 ถึงเอามาส่งผมช่วงบ่าย ผมถึงสงสัยว่าทำไมถึงผ่าตั้ง 2 วัน ทั้งที่ผมเคยยืนอยู่หน้าธรรมศาสตร์ เข้าศพออกศพ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว แต่ทำไมน้องเมยถึง 2 วัน
ทนายแก้ว : กรณีแพทย์เอาตับไตไส้พุงคนตายไป ต้องขออนุญาตเขามั้ยครับ
นพ.วีระศักดิ์ : ถ้าที่ถูกต้อง ก็ต้องแจ้ง
แม่แหม่ม : แจ้งว่าเก็บชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย แต่เอาไปทั้งยวง
นพ.วีระศักดิ์ : ถ้าหลักปฏิบัติ ถ้าเก็บเพียงชิ้นส่วนเล็กน้อยกล้องจุลทรรศน์ ก็เป็นการตรวจของห้องปฏิบัติการ ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งว่าเอาไป เป็นภาพรวมการผ่าชันสูตรศพต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะเอาไปทั้งชิ้น โดยธรรมชาติต้องบอก แต่ที่ผ่านมาอาจไม่ได้มีการปฏิบัติแบบนั้น
พ่อพิเชษฐ์ : ตั้งแต่ 19-25 ทั้งที่ทหารก็อยู่ในวัดกับผมตลอด ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้เลย นี่ดีนะ ผมสงสัยทำไมผ่าถึง 2 วัน ผมก็เก็บของผมไว้ วันที่ 26 ก็นำร่างลูกผมกลับมาธรรมศาสตร์รังสิตอีกรอบ แล้วมาผ่าตัดวันที่ 1 พ.ย. 60 ผ่าใหม่ ถึงได้รู้ว่าลูกผมไม่มีอะไรเลย ลูกสาวผมเดินร้องไห้ออกมาเลย ว่าพ่อ ไม่มีอะไรเลย
นพ.วีระศักดิ์ : ข่าวขาดหายไปช่วงนึง หลังจากได้รับอวัยวะมาแล้ว มาส่งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดำเนินการ แต่ทีนี้การดำเนินการต้องตรวจสอบก่อนว่าอวัยวะนั้นเป็นของบุคคลดังกล่าวจริงหรือไม่
พ่อพิเชษฐ์ : มันก็น่าจะหายแหละครับ ทุกอย่างเงียบหมด ผมถามคุณหมอก็ตอบได้แค่ว่าดีเอ็นเอเข้ากันไม่ได้ ผมก็ทำใจ รู้แล้วว่าไม่ใช่ของลูกผม
นพ.วีระศักดิ์ : คำว่าเข้ากันไม่ได้ ในภาษาทางการแพทย์ ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็คือไม่ใช่
แม่แหม่ม : ตอนแรกคุณแม่ขอชิ้นส่วนอวัยวะพวกนั้นกลับมาบำเพ็ญกุศลต่อ คุณหมอบอกคุณแม่ว่าจะเอาไปทำอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณแม่เลย ทุกวันนี้อวัยวะไม่ได้คืน สถาบันยังเก็บตัวนั้นไว้
นพ.วีระศักดิ์ : ผมไม่ก้าวล่วงนะ ไม่ใช่คดีนี้แล้วกัน พูดถึงคดีทั่วไป ถ้าเป็นเคสผมแล้วไม่ใช่ของลูกคุณแม่ ผมให้ไม่ได้นะ ผมตอบได้แค่นั้น ถ้าผมพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ของลูกคุณแม่ ผมก็ให้คุณแม่ไม่ได้ ประเด็นคือรพ.แรกให้มาแล้ว สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เอามาตรวจแล้วบอกว่าเข้ากันไม่ได้ เวลาผ่านไป คุณแม่ขอนิติวิทยาศาสตร์ เอาอวัยวะมาบำเพ็ญกุศล เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย เอาไปทำอะไร
แสดงว่าไม่ใช่ของเมย?
นพ.วีระศักดิ์ : ก็ต้องตีความ
พ่อพิเชษฐ์ : วันที่ผมไปรับอวัยวะ คุณหมอ ผอ.กองพยาธิวิทยาศาสตร์ของรพ.พระมงกุฎ บอกว่าของลูกคุณ ผมก็ถามว่าผมจะเชื่อได้ยังไง ผมโกรธมาก
ทนายแก้ว : อะไรทำให้พ่อส่งไปผ่าอีกรอบ วันที่ 1 พ.ย.
พ่อพิเชษฐ์ : มีวันที่ผมสงสัย ส่ง 17 ตอนกลางคืน 18 รับร่างลูกมาบำเพ็ญกุศลไม่ได้ 19 ตอนบ่ายถึงส่งมาให้ผม
แม่แหม่ม : เมี่ยงมีเพื่อนในระบบทหาร เขาก็เตือนเมี่ยงว่าอย่าเพิ่งเผาน้องนะ เพราะมันตายไม่ธรรมดา เมี่ยงก็ประมวลผลว่าไม่เผานะ แต่เราแจ้งกำหนดการเผาเรียบร้อยแล้ว มันก็เลยเป็นการเผาหลอกไป ซึ่งทุกคนทั้งกองทัพรู้ว่าเราเผาไปจริงๆ เราจบไปแล้ว เขาไม่คิดว่าเราจะเอาไปตรวจอีกรอบ
มีคลิปนึงที่สัมภาษณ์ ทางคุณแม่ คุณพ่อ พี่สาว บอกว่ายังไม่ทราบว่าอวัยวะนี้เป็นของเมยหรือเปล่า 8 ปี คุณพ่อก็ยังพูดคำเดิม?
พ่อพิเชษฐ์ : ผมโกรธมากเลยนะที่ผอ.มาบอกผมว่านี่อวัยวะลูกคุณ ทำไมไม่ใส่คืนร่างวันที่ผ่าเสร็จแล้วให้ผม ถ้าผมเผาไปแล้วจะเหลืออะไร เขาไม่ได้ให้เหตุผล พยายามบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงทั้งหมดเลย
แม่แหม่ม : มีคลิปนึงกองทัพบอกว่าเป็นสไตล์เขา ที่เขาต้องเก็บไว้ทั้งหมด เขาใช้คำพูดแบบนั้นในสื่อ
นพ.วีระศักดิ์ : กรณีการเก็บกรณีตรวจซ้ำ เป็นหลักฐานเพิ่มเติม บางกรณีเป็นคดีอาญา ก็ใช้เวลาเก็บหลักฐาน 20 ปีก็พยายามเก็บเพื่อจะดู
วันนี้เขาอยากได้ของลูกเขาคืน ได้มั้ย เอามาคืนเขาได้มั้ย ต้องทำยังไง?
นพ.วีระศักดิ์ : ผมคิดว่าต้องเริ่มจากข้อเมื่อกี้ก่อน 8 ปีผมติดตามข่าว ไม่เคยมีการออกมาพูดว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าส่วนตัวผม จากข้อมูลที่คุณพ่อคุณแม่บอก แล้วถูกพิสูจน์ว่าเป็นตามนั้นจริง ว่าไม่ใช่หรืออะไรก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่ต้องตามต่อว่าสิ่งที่ใช่อยู่ที่ไหน
พ่อพิเชษฐ์ : ผมเคยถามว่าผมจะรู้ได้ไงว่านี่คือของลูกผมจริงๆ ผมถามตรงๆ เลย หมอตอบไม่ได้ ก็บ่ายเบี่ยงออกหมด พร้อมร้อยเวรที่อยู่ด้วย นี่คือรพ.ที่สอง รพ.ที่หนึ่งไม่ได้อธิบายอะไรเลย จนเป็นเรื่องอยู่ถึงทุกวันนี้ แจ้งความแล้วไม่ไปให้การที่สน.พญาไท
พ่อแจ้งความหมอรพ.ที่ 1 ตร.ออกหมายเรียก 2 ครั้ง แต่ไม่มา แต่ไม่ออกหมายจับ จากวันนั้นถึงวันนี้กริบ?
พ่อพิเชษฐ์ : เมื่อวานเย็นผมถามทนาย ทางร้อยเวรคุยกับทนายว่าเรียกคุณหมอมาแล้ว พอมีภาพข่าวออกไป ผมได้ยินเสียงนี้กลับมาหาผมทันที 8 ปีเพิ่งเรียกเมื่อวานนี้ เขาบอกว่าสอบไปแล้ว ผมตามมาตลอด ไม่เคยรู้ว่ามา พอมีข่าวออก ตร.บอกว่าเรียกมาแล้ว
หลังน้องเมยเสียชีวิตไปแล้ว รพ.มีการชันสูตรพลิกศพ คุณพ่อเล่าว่ารพ.แรก มีคุณหมอท่านนึงผ่าชันสูตรพลิกศพ พอผ่าเสร็จปุ๊บก็เย็บกลับจากนั้นส่งร่างคืนให้คุณพ่อไป คุณพ่อรับร่างน้องเมยกลับมา แต่คุณพ่อไม่ได้เผาโดยทันที คุณพ่อเองมีความสงสัยว่าน้องน่าจะมีอะไรที่นอกเหนือจากที่มีการแจ้งมา ก็เลยเอาร่างน้องส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผ่าชันสูตรอีกครั้ง คุณหมอก็ผ่าให้ คราวที่สองผ่าปุ๊บไม่เจออวัยวะในร่างกาย เจอสำลี ผ้าเทป ยัดๆ ไว้ข้างใน พ่อตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยย้อนไปถามรพ.แรกว่าทำไมไม่มีอวัยวะลูกผมอยู่ในร่างลูกผม จากนั้นก็เป็นประเด็นข่าวขึ้นมาว่าอวัยวะน้องเมยหายไป รพ.แรกมีการเอาอวัยวะส่วนนึงให้คุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไปรับมากับพี่สาว บอกว่านี่เป็นอวัยวะของเมย เอาคืนไปสิ ที่ถามหากัน ครั้งนั้นคุณพ่อกับครอบครัวไม่ได้ปักใจเชื่อว่านี่คือของเมย เขาก็เอากลับไปให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เช็กอีกครั้งว่าตกลงอันนี้ของเมยหรือเปล่า ถ้าใช่จะได้เอากลับเข้าไปในร่าง ปรากฏว่าคุณหมอพอดู ตรวจเรียบร้อย คุณหมอบอกว่าพวกดีเอ็นเอเข้ากันไม่ได้
นพ.วีระศักดิ์ : คุณเมี่ยงโทรเข้ามา บอกว่าคำที่ชัดเจนที่คุณหมอแจ้งกับคุณเมี่ยง บอกว่าดีเอ็นเอในอวัยวะมันไม่เพียงพอที่จะเอามาสรุปได้ ก็เลยไม่สามารถระบุได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของน้องเมยหรือเปล่า ตัวอวัยวะถูกแช่อยูในฟอร์มาลีน แล้วมาดำเนินการภายหลังเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ตัวฟอร์มาลีนรบกวนดีเอ็นเอ ก็ทำให้การตรวจนั้นยากลำบากขึ้นกับเทคโนโลยีตอนนั้น ทำให้การตรวจไม่สามารถดึงสารพันธุกรรมออกมาตรวจเปรียบเทียบให้ได้ชัดเจน จึงเป็นที่มา ถ้าจะสรุปก็คือยังไม่สามารถสรุปได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของใคร ซึ่งอาจใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้ แต่ถ้าตามข้อมูลนั้นคือไม่สามารถระบุได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของใคร
ต่อสายหา “เมี่ยง” ตกลงตอนนั้นคุณหมอแจ้งยังไง?
เมี่ยง : เอาไปก็มีขั้นตอนการระบุตัวตนชิ้นส่วนของศพ เขาก็ต้องเอาไปตรวจก่อนว่าความถูกต้องหรือความใช่ มันใช่หรือไม่ รายการที่คืนอวัยวะมา 2 รายการ มันไม่พบพันธุกรรมดีเอ็นเอเลย มีสมองกับอะไรสักอย่าง หนูจำไม่ได้ ส่วนที่เหลือเขียนว่าพบสารพันธุกรรม แต่มีปริมาณน้อยมาก จนไม่สามารถระบุได้หรือเปรียบเทียบได้ว่าเป็นของใครค่ะ
ทนายแก้ว : กรณีบอกว่าตรวจไม่พบเลย ได้กลับไปถามหมอคนแรกหรือเปล่าครับ
เมี่ยง : ติดต่อหมอคนแรก เข้าไม่ถึงค่ะ เราเลยทำหนังสือไปถึงแพทย์สภา ว่าเรื่องนี้ยังไง ช่วยอธิบายหน่อย แต่กระทรวงยุติธรรม เขาส่งชิ้นเนื้ออวัยวะทั้งหมด ตรวจที่รามาธิบดี ก็เป็นเปเปอร์ออกมาอธิบายทุกอย่าง เราก็ถามแพทย์สภาว่าแบบนี้หมายความว่ายังไง คุณทำถูกต้องแล้วหรือไม่ เราได้คำตอบกลับมาแค่นี้ คุณหมอคนแรกทำไปตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งค่อยข้างขัดแย้งกับคุณหมอคนที่สองที่เราได้คุยกันว่ามันไม่ตามขั้นตอนหรอก หรือมาตรฐานมากพอ ทุกอย่างต้องไม่ส่งผลเสียหายต่อชิ้นส่วนอวัยวะ เมื่อสรุปไม่ได้ว่าอวัยวะที่ส่งกลับมาเป็นของใคร ก็ทำให้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมยก็ไม่ได้
ทนายแก้ว : เราได้อุทธรณ์คำสั่งของแพทย์สภามั้ยครับ
เมี่ยง : เราแจ้งข้อกล่าวหาคุณหมอที่แรก ในเรื่องฐานทำให้เสียทรัพย์ ก็ประมาณนี้ไป ก็ยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนเรียกสอบอยู่
ล่าสุดตร.บอกว่าเรียกมาสอบแล้วเมื่อวาน?
ทนายแก้ว : ตั้งนานทำไมไม่เรียก
เมี่ยง : ครั้งแรกติดโควิด อันนี้เข้าใจได้ เพราะประเทศเราชัตดาวน์หมด แต่พอสถานการณ์คลี่คลาย มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ค่อยได้คำตอบเท่าไหร่ ขั้นแรกหลายปีแล้ว ช่วงโควิดกำลังบูมๆ ค่ะ
โจรก็ไม่ต้องมาให้ปากคำเพราะเป็นช่วงโควิด?
เมี่ยง : นั่นน่ะสิคะ เป็นคำถามเหมือนกัน
น้องเมี่ยงอยู่ต่างประเทศ?
แม่แหม่ม : เขาไปเรียน เมี่ยงเขาเลี้ยงเมยมา ตอนแม่ไปทำงานกับพ่อ เจ้าเมี่ยงก็ลากเมยไปเรียนมหาวิทยาลัย เอาน้องไปนั่งเรียนด้วย ขออาจารย์ ไม่เคยทิ้งน้องเลย
ทนายแก้ว : คิดว่าเหตุอะไรหมอเย็บร่างเปล่าๆ คืนเราแบบนั้น
พ่อพิเชษฐ์ : ทีแรกก็ยังไม่รู้อะไรเลย แต่มานั่งที่วัด คิดว่าการผ่าชันสูตรศพ วันนึงก็น่าจะจบ ผมส่งตอนกลางคืนเลยนะ วันที่ 18 ก็ยังไม่จบ จน 19 เอาศพมาส่งผม
นพ.วีระศักดิ์ : ที่คุณเมี่ยงบอกว่าแพทย์สภาตัดสิน ผมเข้าใจว่าตัดสินถูกต้อง หมายถึงขั้นตอนปฏิบัติถูกต้อง แต่แน่นอนถ้าฟังจากคุณเมี่ยง ประเด็นคือทำไมอวัยวะที่จะเอาไปดำเนินการ ถึงเอามาตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ กรณีนี้ก็ไม่ได้มีคำตอบเรื่องนี้ชัดเจน
ทนายแก้ว : กรณีเยียวยาของไทย กับเยียวยาของศาลทหารมีความต่างกัน
ทำไมโทษน้อยกว่าศาลอาญาทั่วไป ถ้าคดีนี้อยู่อาญาทั่วไปที่ไม่ใช่ศาลทหาร กรณีเป็นตัวการทำให้บุคคลใดบุคคลนึงเสียชีวิตจะโดนแค่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 1.5 หมื่นเหรอ?
ทนายแก้ว : ไม่หรอกครับ ศาลอาญาทุจริต ลงโทษหนักพอสมควร ต้องเข้าใจว่าคดีศาลทหารไม่เหมือนกับคดีปกติ คดีปกติทนายเข้าไปยุ่งได้ แต่คดีศาลทหารอัยการศาลทหารเท่านั้นที่เป็นโจทก์ฟ้องคดี แต่จำเลยที่เป็นทหารสามารถจ้างทนายความที่เป็นพลเรือนได้ รูปแบบคดีนี้เกิดขึ้นตอนปี 60 ยังไม่มีพรบ.อุ้มหาย ไม่มีศาลอาญาทุจริตเกิดขึ้น มันจะเปรียบเทียบเคียงได้ว่าปัจจุบันมีคดีอาญาทุจริต คดีเจ้าพนักงานรัฐทำอะไรก็ตาม ขึ้นศาลอาญาทุจริต ศาลอาญาทุจริตก็พิพากษาให้จำคุก 10 ปีก็มีไปแล้ว แต่ที่อยากจะชวนคิดกัน คือเรื่องกรณีเหตุเยียวยา เราต้องเข้าใจว่าศาลปกติมาตรา 56 ประมวลกฎหมายอาญากำหนดว่าศาลอาญาจะลดโทษ รอลงอาญา ต้องดูสองอย่าง หนึ่งพฤติการณ์แห่งคดี สองมีการเยียวยาหรือไม่ แต่ศาลทหารไม่ได้พิจารณาเหมือนศาลอาญาปกติ เราวินิจฉัยได้ว่าศาลทหารไม่เหมือนศาลพลเรือน ศาลพลเรือนต้องดูสองอย่าง พฤติการณ์แห่งคดี อายุ คุณสมบัติอะไรก็ตาม และต้องมีการเยียวยา บรรเทาผลร้ายให้ผู้เสียหาย เคสนี้เขามีการบรรเทาผลร้ายอะไรบ้างมั้ย มีการจ่ายเงินจ่ายทองช่วยเหลืออะไรบ้างมั้ย
แม่แหม่ม : เอาที่จำได้เลย ในงานศพน้องเมย ให้มา 1 แสนบาท ทางโรงเรียนเป็นคนไห้ ผู้กระทำความผิดไม่มีจ่าย
หมอหมูมองยังไง?
นพ.วีระศักดิ์ : ด้วยความสงสัย คดีนี้ตอนติดตามข่าว ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
แม่แหม่ม : ไม่ค่ะ เราร้องทำร้ายร่างกายและจิตใจ แต่อาจรวบไป เพราะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องไม่กี่เดือนจนเขาเสียชีวิต
นพ.วีระศักดิ์ : เรื่องสาเหตุเสียชีวิตได้เอามาเชื่อมโยงกันมั้ย ฟ้องการกระทำไปเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตด้วยหรือไม่
แม่แหม่ม : ต้องถามพี่เมี่ยง
นพ.วีระศักดิ์ : พอแยกส่วนจากการ นั่นหมายความว่าการกระทำนั้น ไม่ได้เอามาถูกตัดสินว่าเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตหรือไม่ จึงเป็นการตัดสินมาตรานี้อย่างเดียว ซึ่งถ้าเป็นกฎหมายอาญาทั่วไป คือจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่น จึงกลายเป็นสาเหตุตัดสินออกมา จำคุก 4 เดือน ปรับ 1.5 หมื่นบาท ก็เลยทำให้ที่ผ่านมา 8 ปี คนก็สงสัยว่าการทำร้ายจนเขาเสียชีวิต ติดคุกแค่ 4 เดือนแล้วรอลงอาญาด้วยหรือ ซึ่งพอคำอธิบายจากคุณแม่ ถ้าแยกส่วนกันจริง กลายเป็นว่าการกระทำนั้นมีอยู่จริง แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตหรือไม่ การเสียชวิตอาจมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันก็เป็นคำอธิบายว่าทำไมถึงเหลือแค่ 4 เดือนและรอลงอาญา
ทนายแก้ว : คดีปกติทั่วไป ถ้าศาลลงโทษไม่เกิน 5 ปี และมีเหตุเยียวยา และได้มีการเยียวยา ศาลรอลงอาญาได้ แต่ถ้าเกิดอัตราโทษขั้นต่ำเกิน 5 ปี ยังไงศาลยุติธรรมปกติรอลงอาญาไม่ได้ คดีนี้ศาลทหารอาจมอง ไม่เกิน 2 ปี มีเหตุรอลงอาญาได้
แม่แหม่ม : เราร้อง 295 ไป ต้องการให้ศาลลงโทษ ตรงนี้เต็มที่เพราะเราเห็นรายงานการกู้ชีพเขา มันไม่น่าใช่การประมาทธรรมดา แต่สุดท้ายมันถูกตีตกไปที่ระมาทหมดเลย กลับไปเป็นว่าเพราะพี่ช่วยแล้ว เมยน็อกไปแล้ว แต่พี่ช่วยแล้ว ไปเรียกเพื่อนมาช่วยปฐมพยาบาลแล้ว และมันฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งที่หมอก็รายงานขึ้นศาลว่าเขากู้ชีพยังไง แล้วถ้าวันนั้นเขาไม่ฟื้นล่ะ
นพ.วีระศักดิ์ : เวลากระทำผู้อื่นให้บาดเจ็บ มุมมองเจตนาหรือไม่เจตนาในการกระทำนั้นก่อน พอกระทำเข้าแล้ว เห็นเขาสลบหรือตกใจ เข้าไปช่วยเหลือ บางทีไปตีความว่าความตกใจและช่วยเหลือนั้น มันสื่อถึงว่าไม่เจตนา โดยส่วนตัวผม ไม่เจตนาทำให้เขาถึงแก่ชีวิต แต่เจตนาต้องมีเรื่องทำร้ายร่างกาย การช่วยเหลือในภาวะเขาหมดสติ เป็นการช่วยเหลือแต่ไม่ได้บอกว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายร่างกายนะ
ทนายแก้ว : กฎหมายทหารตั้งมาตั้งแต่ 2498 มาตรา 49 ถ้าคดีอาญาทั่วไป ผู้เสียหายร้องสอดมาเป็นโจทก์ร่วมได้ แต่คดีนี้ตัวคุณพ่อคุณแม่ร้องสอดเป็นโจทก์ร่วมไม่ได้ มันตัดสิทธิ์ผู้เสียหายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม อัยการศาลทหารก็ต้องดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นเราแย้งลำบาก
มุมคดีความน้องเมย ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 1.5 หมื่น รอลงอาญา เพราะเป็นทหาร ตัวจำเลย น่าจะมีเรื่องประโยชน์ราชการ เลยลงโทษแบบนี้ แต่ขณะเดียวกัน ถ้าอยู่ภายนอกที่ไม่ใช่ทหาร ล่าสุดทีมงานก็โดนเมาแล้วขับ จำคุก 3 เดือน รอลงอาญา 3 ปี ปรับ 1 หมื่น ใกล้เคียงกันเลย อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าคดีเดียวกัน มุมศาลทหารที่คุณแม่ร้องไป ถ้าอยู่ศาลอาญาข้างนอกเขาจะโดนอะไร?
ทนายแก้ว : ผมว่าจำคุก 10 ปี
นพ.วีระศักดิ์ : ผมติดตามข่าว หมอคนแรกที่ผ่าบอกว่าหัวใจวายเฉียบพลัน ครั้งที่สองผ่าชันสูตรศพ ไม่ได้สื่อถึงเรื่องทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต แต่รอยฟกช้ำมันมี แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต เลยกลายเป็น 295 ผมคิดว่ากรอบคือจำคุกไม่เกิน 2 ปีอยู่แล้ว ปรับไม่เกิน 4 หมื่นอยู่แล้ว เฉพาะมาตรานี้นะ
ทนายแก้ว : อัตราโทษใกล้เคียง 295 คือ 2 ปี แต่หมอหมูคิดว่ายังไงก็มีโอกาสรอ
นพ.วีระศักดิ์ : สารตั้งต้นฟ้อง ตอนแรกก็สงสัยทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ทำไมโทษแค่นี้ แต่พอฟังคำฟ้องแล้วมันไม่ใช่ มันคนละประเด็น ฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิตประมาณเดือนกว่า แต่อันนี้ด้วยความที่ข้อมูลจำกัด เกี่ยวกับข้อมูลที่จะมีแพทย์ยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อมโยงกับการทำร้ายร่างกายนี้หรือไม่ จึงฟ้องได้มาตรานี้มาตราเดียว
ทนายแก้ว : พฤติกรรมเรียงกระทงความผิด การทำร้ายร่างกาย ทำแล้วทำอีก แต่เหตุตาย ตายครั้งเดียว 17 ต.ค. อัยการก็เลยตั้งข้อหาครั้งเดียว แต่ถ้ามาศาลปกติ เข้าใจเลยว่าทนายโจทก์ร่วม หรือทนายพลเรือนเข้าไป ต้องมีการบรรยาย ทำร้ายร่างกายครั้งที่ 1 2 3 จนเป็นเหตุแก่ความตาย ผมว่าเหตุแบบนี้ เอามาเรียงกัน ยังไงถ้าไม่มีการเยียวยาตามมาตรา 56 ศาลยุติธรรมไม่รอลงอาญา
นพ.วีระศักดิ์ : ผมไม่ได้ฟันธง ไม่ได้ยืนยัน มุมมองผมคือเหตุอันใดโทษถึงเป็นแบบนี้
ยังไงต่อ?
แม่แหม่ม : หลังเกิดเหตุการณ์ น้องได้มีหนังสือยกเว้นการธำรงวินัยหรือออกกำลัง แต่เมยลงมาเรียนเมื่อไหร่ ถ้าเจอเขาจะซ่อมทันที ตรงนี้เราไม่พูดปากเปล่า เรามีเอกสารทั้งหมด หลังวันนั้นเมยขึ้นกองแพทย์กี่รอบ รอบสุดท้ายไปส่งเขากลับ ก็โดนสั่งธำรงวินัยที่โรงเลี้ยงจนหมดสติรอบนึง
พ่อพิเชษฐ์ : คืนวันที่ 16 เช้า 17 เป็นไฮไลต์ชุดใหญ่ เราไม่มีประจักษ์พยานหลักฐาน กล้องก็เสียหมด ถามผู้พันก็ตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดนกระทั่งถังดับเพลิง เป็นคำนึงที่หมอพูดว่าถูกของแข็งกระแทกจากหน้าอกเข้าไปข้างใน ด้านหน้าเข้าไปข้างบน
แม่แหม่ม : หมอช้ำไปถึงข้างหลัง
นพ.วีระศักดิ์ : ผมเข้าใจทั้งหมด ที่ผมสื่อสารคือทำไมมาเป็น 4 เดือน ซึ่งผมก็อธิบาย ถ้าเป็นศาลอาญาปกติ ถ้ามีทนายอย่างพี่แก้วก็คงไล่กรรม ก็คงแตกต่างกัน
แม่แหม่ม : ตร. อดีตผู้กำกับสภ.บ้านนา บอกว่ารู้มั้ยคดีลูกชายคุณสิ้นเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ เหมือนสิ้นเปลืองงบประมาณในคดี หนูต้องขอบคุณทนายแก้วมากเลยที่ทำให้รู้ว่าเราต้องไล่กรรมนะ จากวันนั้นจนวันนี้ เสียชีวิตเพราะอะไร
พ่อพิเชษฐ์ : ผลการแจ้งความ ตีตกหมดเลยนะร้อยเวร
แม่แหม่ม : อย่างทนายบอกว่าเราได้ทำคำสั่งไปแล้วคืนสุดท้ายก่อนเมยจะเสีย โดนตีตกหมดเลย ยกฟ้องหมดเลย ก็ไม่รู้จะไปไล่อะไร มันได้คดีเดียวจริงๆ
พ่อไม่กลัวเหรอ?
พ่อพิเชษฐ์ : สิ่งที่ผมกลัวลูกจะเสียชีวิตมันเลยมาแล้ว เราจะเหลือสักอีกกี่ปีครับ ถ้าเอาความจริงมาคุยจะไม่กลัวเลบย
มุมแก้วจะเอายังไง?
ทนายแก้ว : มุมผมคดีอาญายุติแล้ว คนเราจะรับโทษได้ครั้งเดียว มันต้องมาฟ้องเรื่องค่ารับผิดทางแพ่ง ต้นสังกัด ว่าจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร สองฟ้องหมอที่แอบเอาหัวใจตามที่เล่ากัน เขาเอาไปทำอะไร ถ้ามีความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ไปว่ากัน การกระทำที่เกิดขึ้นยุติในส่วนอาญา ในส่วนแพ่งพี่ก็สามารถฟ้องหน่วยงานเรียกค่าเสียหายได้ รวมถึงตัวผู้กระทำ
เขาเคยมาขอโทษหรือยอมรับมั้ยว่าเขาเป็นคนทำเอง?
พ่อพิเชษฐ์ : ไม่มีแน่นอน ไม่เคย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้รอกำหนดโทษ 1 ปี ผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร ผมไม่ก้าวล่วงนะ แต่ก็เลยมาประมาณ 2-3 ปี ไม่รู้รอกำหนดโทษอะไร อุทธรณ์ตัดสินว่าให้จำคุก 6 เดือน และชดใช้ ผมถึงสงสัยว่าคนถูกคดีอาญาแล้ว ยังรับราชการเป็นตร.ได้เหรอ ผมไม่ได้ก้าวล่วงศาลนะ แต่เขายังเป็นตร.ได้ยังไง เขายังไม่ถอดเครื่องแบบอีกหรือ เขาอ้างยังมีคุณประโยชน์ ถ้าลูกผมมีชีวิตอยู่ล่ะ ยังมีคุณประโยชน์มั้ย เขาอาจสู้ชายแดนก็ได้ อีกอย่างเขาตายในหน้าที่ ผมจะภูมิใจมาก แต่นี่ไม่ใช่ ถูกคนในโรงเรียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในโรงเรียนกระทำถึงแก่ชีวิต ผมบอกตรงๆ ผมรับไม่ได้ที่เขายังใส่เครื่องแบบ ผมฝากไปถึงผบ.ตร. เขายังให้คนลักษณะนี้เป็นตร.อยู่มั้ย
ทนายแก้ว : แปลกใจ ตามปกติ ต้นสังกัดคือตร.เอง ต้องมีคำสั่งชะลอหรือพักราชการไว้ก่อน เพราะบุคคลนี้ต้องคดี
พ่อพิเชษฐ์ : นักกฎหมายบอกว่าถ้าเขาถูกคดีอาญา เขาจะเป็นตร.ไม่ได้เลย เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนเขาขึ้นตร.นายร้อยสามพราน
ทนายแก้ว : ต้นสังกัดต้องรู้เรื่องแล้ว มองว่าศาลทหารเองไม่ได้รายงานที่สำนักงานตร.แห่งชาติ ตามหลักสำนักงานตร.แห่งชาติ ต้องพักหรือรอติดยศไปก่อน
พ่อพิเชษฐ์ : ติดยศครั้งแรกเป็นร้อยตำรวจตรี ขึ้นเป็นร้อยตำรวจโทได้ยังไง ไม่ได้พิจารณาเลยเหรอครับ สงสัยว่าคณะกรรมการเขาพิจารณายังไง ให้ขึ้นเป็นร้อยตำรวจโทด้วย ทั้งที่ยังมีคดีอยู่ ผมติดใจตรงนี้ ศาลผมไม่ก้าวล่วง
ทนายแก้ว : เดี๋ยวขอรอไปตรวจสอบ ผมก็แปลกใจว่าทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงปล่อยเลื่อนไหลไปได้
สองท่านโดนโจมตี จากฝั่งไหน?
แม่แหม่ม : จากผู้ปกครอง และนักเรียนรุ่น
พ่อพิเชษฐ์ : ลูกผมเสียปี 60 แล้วปี 62 63 รู้ด้วยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมาด่าเรา
แม่แหม่ม : เขาบอกเพราะคดีนี้ ทำให้สถาบันเสียชื่อ ซึ่งทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์หรือออกข่าว เราไม่เคยก้าวล่วงสถาบันเลย อย่างที่บอกค่ะ เมยรักโรงเรียน รักสถาบัน เรากล้าไปทำร้ายแม้แต่สถาบันได้ยังไง (ร้องไห้) เรารักลูกเรา ลูกเราชอบสิ่งไหนเราก็เคารพสิ่งที่ลูกรักด้วย เราต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ แต่มันทำเป็นว่าเพราะเมยตัวดี เป็นต้นเรื่อง
พ่อพิเชษฐ์ : แล้วจะให้ผมเชื่อบุคคลอย่างนี้ขึ้นไปเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้กำกับ รองผู้กำกับก็ดี ปกครองประชาชน จะเอาตรงไหนให้ผมเชื่อ ในเมื่อเขาเคยทำแบบนี้
แม่แหม่ม : นักเรียนคนนี้ไม่ใช่นักเรียนรุ่นพี่ธรรมดา เขามีตำแหน่งในโรงเรียน เขามีอำนาจอยู่ในมืออยู่แล้ว คุณรู้วุฒิภาวะของคุณที่ได้รับจากโรงเรียน ได้รับคำสั่งจากผู้พันมาดูแลน้อง เขาต้องมีมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่คุณยังทำผิดเอง มันเลยขัดว่าลงโทษเขาตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์ ให้เขาไปรับใช้ประเทศชาติ แค่เขามียศในโรงเรียนคุณยังทำขนาดนี้เลย ถ้ามีอำนาจในมือไม่ทำมากกว่านี้เหรอ
แบบนี้ต้องทำยังไง?
ทนายแก้ว : ต้องทำหนังสือไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่าเอาคำพิพากษาชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกาศาลทหาร รวมถึงคำเบิกความที่ตัวสภาพคดีได้เกี่ยวข้องกับบุคคลคนนี้ว่าทำผิด ลองยื่นไปดูก่อน ว่าผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเขาจะชะลอหรือว่ายังไง
ก่อนเขาเป็นตำรวจ ก็โดนดำเนินคดีมาเรื่อยๆ แต่ได้เป็นตร. ถ้าเขาอ้างว่าเขายังบริสุทธิ์ ศาลไม่ได้ตัดสิน?
ทนายแก้ว : ไม่ได้สิพี่ เพราะเขาเป็นร้อยโท เป็นตร.ก็ไม่ว่ากัน ยังไม่พิพากษาก็ไม่ว่ากัน แต่ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไง เพราะมันอุทธรณ์ ฎีกาแล้ว แต่เขาก็ไต่ขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าฝั่งตร.ยังไม่มีประวัติ ไม่มีเรคคอร์ดอะไร ก็เลื่อนไหลได้
พ่อพิเชษฐ์ : ผมจะรอดูต่อไป อาจเดินไปทำหนังสือ และไปพบท่านโดยตรง ขอความเมตตาจากท่าน
ทนายแก้ว : เรื่องที่พี่แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจคนนี้ ไม่เกี่ยวกับโรงเรียนเลย ทำไมเอฟซีโรงเรียนมาทัวร์ลง
พ่อพิเชษฐ์ : ถ้าเขาไม่ให้ร้ายลูกผม ผมคิดว่าคดีจบไปแล้วนะ คำว่าให้ร้ายคือเมยอ่อนแอ ร่างกายมีโรคประจำตัว ภาระจปร.ลูกผม 944 คะแนน คะแนน 1 พัน อ่อนแอมั้ย กว่าจะข้ามไปได้ไม่หมูเลย ผู้ใหญ่ในประเทศเราบอกว่าอ่อนแอ เคยปักหัวยังไม่ตาย ใช่สิ ถ้าเมยนามสกุลใหญ่คงไม่เป็นแบบนี้
นพ.วีระศักดิ์ : ช่วยแก้คำว่าเมยโกหก
แม่แหม่ม : มันเป็นมลทินติดตัวเมย ตั้งแต่วันแรกโดนเรียก เมยเขาเสียชีวิต เรารู้สภาพว่าเกิดเหตุตั้งแต่เดือนอะไร แล้วโดนซ้ำขนาดนี้ เรายุติ เราบอกว่าไม่อยากตามเรื่องแล้ว เอาศพลูกไปบำเพ็ญกุศล ฉันยอม แต่สุดท้ายก็บอกเจ้าหน้าที่ที่มายืนรอเป็นสิบๆ คน ผอ.อะไรก็ไม่รู้ พอแล้ว ยุติ ขอให้เรื่องนี้จบ จะเอาลูกไปทำบำเพ็ญกุศล
พ่อพิเชษฐ์ : มีเจ้าหน้าที่โรงเรียนเตรียมทหารบางคนไปให้ร้ายลูกผม พร้อมกับผู้ปกครองนักเรียน รุมว่าลูกผมอ่อนแอ เข้ารพ.ตลอด มีโรคประจำตัว ผมถามว่าภาระจปร. จะก้าวข้ามได้มั้ย ถ้าไม่แข็งแรงจริงๆ ถ้าป่วยขนาดนั้นจะเอาเข้ามาเรียนทำไม ให้ร้ายจนเรารู้สึกว่าเราต้องสู้
แม่แหม่ม : การผ่านหลักเกณฑ์ต้องมีตรวจสภาพร่างกาย เมยไม่ได้สอบติดจปร.เหล่าเดียว สอบติดทหารอากาศด้วย แต่วันนี้หนูโดนคำว่าลูกมึงป่วย มึงก็รู้ว่าลูกมึงป่วย มีโรคประจำตัว ทำไมไม่เอาลูกออกไปตั้งแต่แรก เจ็บมั้ย (ร้องไห้)
พ่อพิเชษฐ์ : เหมือนยกความผิดให้ลูกชายผมที่ตายไปแล้ว คนตายมันพูดไม่ได้
แม่แหม่ม : 8 ปีที่ผ่านมา วันนี้ได้แก้ไข เรื่องสุดท้ายคือเหตุการณ์ตายของเมยไม่ได้แก้ เพราะว่าเมยป่วย แต่เมยโกหกหนูแก้แล้ว เพราะหนูได้เอกสารกองทัพทั้งหมด เราใช้เวลาปีกว่า ทุกอย่างดำเนินคดีไปแล้ว เรียบร้อย ไม่สามารถเอาหลักฐานตรงนี้ไปยัดสู้กับเขาได้ ปรากฏว่าพี่อนุญาตให้ใช้ทางเดินไปกับเขา แต่จำเลยมาเห็น น้องแจ้งแล้วว่าผมมากับพี่ แต่เขาบอกว่ากูไม่เชื่อ
ตรงนี้ที่แม่รู้สึกว่าคนตายก็พูดไม่ได้ แต่มีจากหลักฐานที่แม่ไล่ตามมา?
พ่อพิเชษฐ์ : วันที่ 17 ลูกผมถูกส่งจากกองพยาบาลโรงเรียนเตรียมทหาร มาที่รพ.โรงเรียนนายร้อยจปร. ในใบทร.4 เขียนว่า 4 โมง 29 แรกรับเข้าจปร. ลูกผมไม่มีชีพจรแล้ว ตายแล้ว แล้วจะมาปั๊มหัวใจถึง 2 ทุ่มโชว์ มันใช่มั้ย เจ้าหน้าที่รพ.จปร.คุยกับผมว่าหนูไม่กล้าทำ พี่ฟ้องหนูแน่นอน เขาปั๊มถึง 2 ทุ่มกว่า เพื่อประโยชน์อะไร
นพ.วีระศักดิ์ : การที่หัวใจหยุดต้นคือการซีพีอาร์ และให้ยากระตุ้นหัวใจ ถ้ามีหัวใจหยุดเต้นหรือผิดจังหวะก็ปั๊มกระตุ้นขึ้น โดยส่วนใหญ่กระตุ้นผ่าน 30 นาทีแล้วไม่ขึ้นก็คงพอ แต่อันนี้ 2 ชม.
ปั๊มหัวใจ 2-3 ชม. จริงๆ ต้องทำขนาดนั้นมั้ย?
นพ.วีระศักดิ์ : ถ้ามีบ้าง อาจเป็นเรื่องของญาติ ไม่เกี่ยวกับคดีนี้นะ ขอยื้อ ขอให้ทำต่อ ขอให้รอก่อน อาจมีได้บ้าง แต่โดยปกติ ถ้าหัวใจหยุดเต้นก็ต้องปั๊ม ทำซีพีอาร์ให้ ถ้าเกิน 30 นาที ไม่กลับมา โอกาสที่จะกลับมาก็ยาก คงไม่ทำแล้ว เรื่องนี้สู้ไปก็อ่อนแรงไป สู้มาโดดเดี่ยว เราช่วยกันมาตลอด ต้องขอบคุณนักข่าวช่วยผมมาตลอดที่กระแสลุกขึ้นมาในวันนี้ อย่างวันนี้นึกถึงหน้าคุณหนุ่มก็เคยช่วยผม ต้องขอบคุณนักข่าวจริงๆ ถ้าไม่มีพี่ๆ นักข่าว หัวใจคงล้า ครอบครัวคงหมดแรง