‘กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย’ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำชับศูนย์ ปภ.เขต สนับสนุนจังหวัดดูแลประชาชนเต็มที่
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี น.ส.ชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตที่รับผิดชอบจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้แทนหน่วยงาน ปภ.ส่วนกลาง เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พร้อมสั่งการให้ศูนย์ ปภ.เขต สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปยังจังหวัดที่มีสถานการณ์เพิ่มเติม
โดยนายภาสกร กล่าวว่า ปภ.ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาอย่างต่อเนื่อง และทาง ปภ. ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปยังจังหวัดที่มีสถานการณ์และได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านการอพยพ การร่วมดูแลภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว และการดำรงชีพเบื้องต้น โดยในวันนี้ตนได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี และเขต 17 จันทบุรี ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดตราดและจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์เพิ่มเติม ให้เสริมกำลังสนับสนุนการดูแลประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าได้มีการอพยพประชาชนไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว และจุดปลอดภัยที่ทางราชการจัดไว้แล้ว ได้กำชับให้ศูนย์ปภ.เขต เตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยสนับสนุนเข้าพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นรถดับเพลิงชนิดเคมีโฟม รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถประกอบอาหาร รถผลิตน้ำดื่ม และรถไฟฟ้าสว่าง
“ได้เน้นย้ำให้ 3 จังหวัดที่มีสถานการณ์เพิ่มเติม ทั้งจันทบุรี ตราด และสระแก้ว หากประเมินแล้วจำเป็นต้องอพยพประชาชนเร่งด่วน และต้องใช้การแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ให้จังหวัดประสานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ปภ. ได้ทันที เพื่อ ปภ. จะได้ส่งแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ทราบอีกทางหนึ่ง” นายภาสกร กล่าว
นอกจากนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานเหตุการณ์ชายแดนและการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้ ปภ. ได้เสนอกรมบัญชีกลางเพื่อขอขยายวงเงินทดรองราชการ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้อนุมัติให้กับ 4 จังหวัดแล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ โดยเพิ่มเติมจากเดิม จังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท สำหรับอีก 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอพิจารณา ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบหลักเกณฑ์อย่างเหมาะสม และเต็มที่ ถ้ามีความประสงค์จะขอรับการสนับสนุนด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มเติม ให้ประสานมาที่ ปภ. ได้ทันที