โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยประจาน‘เขมร’ จงใจก่ออาชญากรรมสงคราม/ในหลวงทรงห่วงใยราษฎร

ไทยโพสต์

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ในหลวง-พระราชินี" ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงรับผู้บาดเจ็บ-ผู้เสียชีวิตไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ "รัฐบาล" ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาก่ออาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง เหตุโจมตีโรงพยาบาล-พื้นที่ชุมชน "ภูมิธรรม” บอกคุย “อันวาร์” อยากเป็นคนกลางเจรจา ย้ำเขมรจริงใจยุติยิงค่อยมาคุยกัน วันที่สองสถานการณ์ชายแดนยังปะทะเดือด "ทหารเขมร" เปิดฉากยิงตั้งแต่ตี 4 ระดมยิงอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม จรวด BM-21 ต่อเนื่อง "ทหารไทย" ยิงโต้เจอเล่ห์เขมรตั้งปืนใหญ่ใกล้ชุมชน ใช้พลเรือนเป็นเกราะกำบัง "ทอ." ส่ง F-16 หย่อนไข่เพิ่ม 2 เที่ยว 4 จุด สดุดีทหารกล้าสังเวยเพิ่ม 3 ราย "ผบ.ชายแดนจันทบุรีและตราด" ออกประกาศกฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ 2 จ.ภาคตะวันออก "ฮุน มาเนต" โวยไทยเบี้ยวสัญญาหยุดยิง

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2568 เวลา 13.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ จ่าสิบโททานตะวัน ทองใบ, จ่าสิบตรีประดิษฐ สักขีนาดี, สิบเอกอนุวัฒน์ คำมูลตรี, สิบเอกนันทวัฒน์ หลงลืม, พลทหารบก ภูมินทร์ ซ้ายศรี, พลทหารบกวิทยา รัตนโสภา, พลทหารบกพรชัย เชื้อคำเพ็ง, พลทหารศุภราช ดองเทียม, พลทหารณัฐวุฒิ โพธิวงศ์ กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 และเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

จากนั้น เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ สิบเอกศุภฤกษ์ อรุณรัตน์ กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงรับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่กำลังพลและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้

เวลา 17.20 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกฯ ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย อ่านแถลงการณ์รัฐบาลถึงประชาชนว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยของเรากำลังถูกคุกคามจากประเทศกัมพูชา แม้ที่ผ่านมาเราจะอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ และเลือกที่จะใช้สันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และตามหลักมนุษยธรรมแล้ว แต่เป็นที่น่าผิดหวังมากที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะใช้กำลังทางทหารก่อน และยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ด้วยการโจมตีโรงพยาบาล และพื้นที่ชุมชนที่ประชาชนอาศัยอยู่ ซึ่งเลยบริเวณแนวชายแดนมากกว่า 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 13 ราย รวมไปถึงเด็ก สตรี และคนชรา รวมทั้งทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเสียหายอย่างใหญ่หลวง ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง

รักษาการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เราได้มีการจัดการอพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่นับแสนคน และรัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรายละ 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 700,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 200,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บมาก 100,000 บาท และได้ประสานสายการบินทุกสายในการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อรับคนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัย รวมถึงดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 26 ก.ค. รัฐมนตรีจะลงพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อไปสร้างความเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัย และเพื่อดูแลสร้างขวัญกำลังใจให้พี่น้องในพื้นที่สถานการณ์

เขมรก่ออาชญากรรมสงคราม

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อส่งกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนในการปกป้องอธิปไตยและประชาชนในพื้นที่ให้มีความปลอดภัย ขอให้เน้นย้ำว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะกันตามชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย และตอบโต้ผู้รุกราน

"ท้ายที่สุดนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใหญ่กำลังพลและราษฎรที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์" นายภูมิธรรมกล่าว

ก่อนหน้านั้น ช่วงเช้าเวลา 10.55 น. นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ต่อสายมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน นายอันวาร์อยากเป็นตัวกลางเพื่อแก้ไขปัญหา และเห็นว่าปัญหาควรจะยุติจากการปะทะหรือเผชิญหน้ากัน ซึ่งฝ่ายไทยไม่มีปัญหา แต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชามีความชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไทยพยายามทำสิ่งนี้มาตลอด แต่ไม่เป็นผล สิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายกัมพูชาเป็นคนยิงก่อน และถือเป็นเขตอธิปไตยของไทย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายอันวาร์ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่จะโทร.มาหาตน ซึ่งตนก็ยอมรับในหลักการ แต่วิธีการจัดการ ขอให้กัมพูชาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความจริงใจ เพราะไทยยึดถือหลักสันติมาโดยตลอด

"ภาพชัดเจนเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นสมเด็จฮุน เซน นั่งบัญชาการพร้อมการแผนที่ 1:50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพูดเองว่าให้ยึดแผนที่ 1:200,000 ดังนั้นสิ่งที่สมเด็จฮุน เซน พูดมาแต่ต้น อยากให้สาธารณชนได้รู้ว่าสิ่งไหนเป็นข้อเท็จจริง ขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นฟ้องอยู่แล้วว่า ถ้ายึดมั่นในหลักการจริงๆ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทหาร ไม่ใช่เป้าพลเรือน จึงเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน" นายภูมิธรรมกล่าว

รักษาการนายกฯ กล่าวว่า ตนได้เรียกนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้กลับประเทศไทยโดยด่วน เพื่อมาช่วยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายมาริษได้พบและพูดคุยกับเลขาธิการ UN และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยให้รายละเอียดและหลักฐานไปแล้ว

“สำหรับตัวผม ยังไม่เห็นท่าทีของกัมพูชาที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นต้องรับผิดชอบ" รักษาการนายกฯ กล่าว

ถามว่า เรียกว่าเป็นอาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องที่อยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งก็เข้าข่ายการสร้างอาชญากรรม

นายภูมิธรรมระบุถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนว่า ขณะนี้ไม่ติดปัญหาใดๆ ซึ่งการใช้งบในพื้นที่จากเดิมที่มีอยู่ 20 ล้านบาท ขึ้นเป็น 50 ล้านบาท และพื้นที่ใดประกาศประสบเหตุไทย-กัมพูชา จะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท รวมถึงจะมีการเยียวยาผู้เสียชีวิต เท่าที่ทราบเบื้องต้นจะขยายเงินเยียวยาสำหรับผู้เสียชีวิตเป็น 1 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บต่างๆ ก็มีลักษณะที่ลดหลั่นกันไป

ชายแดนไทย-กัมพูชายังเดือด

ส่วนเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นวันที่สอง พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่าเริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบกฯ และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลา 08.00 น. ฝ่ายไทยได้ตอบโต้ด้วยการใช้อาวุธยิงสนับสนุนตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงการเข้าในพื้นที่การปะทะ

จากนั้นเวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทยอย่างดุเดือดรอบพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ทางทหารไทยได้ตรวจพบกำลังพลของทหารกัมพูชาประชิดตลอดแนวชายแดนพื้นที่กษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของกองพันทหารราบที่ 21 ต่อมาบริเวณพื้นที่กงจักร กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการยิงฉากจากฝ่ายแนวของทหารไทย เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่

เวลา 04.50 น. หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 ตรวจพบยานพาหนะ คาดว่าเป็นรถถังของฝ่ายกัมพูชา จอดเรียงหน้ากระดานจำนวน 6 คัน บริเวณพิกัด 5298887609 ตรงข้ามช่องปลดต่าง เวลา 04.54 น. บริเวณพื้นที่กษัตริย์ศึก ทหารไทยและทหารกัมพูชาประจำหน้าแนวยังไม่มีการปะทะ

จนเวลา 05.30 น. บริเวณพื้นที่ซูรูป่ากล้วย ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยรถถังเบา scorpion ของไทยได้ยิงสนับสนุนบริเวณข้างปราสาทตาเมือนธม เวลา 05.25 น. บริเวณช่องบกใช้อาวุธยิงสนับสนุน เวลา 05.35น. พื้นที่กษัตริย์ศึก ฝั่งไทยได้ขอการยิงสนับสนุนปืนใหญ่ ยิงลงหลังเนินโนเนม และยิงทำลายที่ตั้งรถถังพื้นที่ตรงข้ามช่องบก เวลา 05.50 น. กำลังฝ่ายไทยเริ่มเข้าตีภูมะเขือ

ต่อมาเวลา 06.29 น. ทหารกัมพูชาใช้กำลังเข้ายึดเนิน 469 โดยใช้ปืนใหญ่และปืน ค. ทางทิศใต้บริเวณช่องบก ระดมยิงใส่ฝ่ายไทย บริเวณเนิน 408 โดยใช้ BM-21 จากอำเภอจอมกระสาน ระดมยิงไปทางซัมแตก โดยฝ่ายทหารไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร สนับสนุนการต่อต้านปืนใหญ่

เวลา 08.50 น. เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย, จุดที่ 2 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย, จุดที่ 3 ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ทหารประเมินว่าฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังทหารรราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายไทย เพื่อป้องกันฝ่ายไทยใช้อาวุธยิงสนับสนุน จึงมีความพยายามโจมตีในพื้นที่ซำแต, ช่องตาเฒ่า และประสาทตาเมือน, พื้นที่ช่องบก เป็นการตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่กับ BM-21, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมตามเส้นแดน, พื้นที่ชำแต ฝ่ายตรงข้ามรวมกำลังทหารราบรถถัง ตีโต้ตอบเพื่อยึดพื้นที่คืน, พื้นที่ช่องตาเฒ่า พื้นที่พระวิหาร ตรึงข้าศึกบริเวณวัดแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายเราเข้าตีฝ่ายตรงข้ามยิงโต้ตอบ, พื้นที่ช่องจอม (อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์) ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธยิงสนับสนุน โจมตีกันไปมา, พื้นที่ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ข้าศึกเพิ่มเติมกำลังขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเราต้องปรับแผน และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราวางกำลัง ฝ่ายตรงข้ามพยายามเข้าตี

กองทัพชี้ฮุนเซนสั่งการชัด

เวลา 09.45 น. สรุปความเสียหายเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 24 ก.ค. ถึงเช้าวันที่ 25 ก.ค.68 ว่าทหารกัมพูชาสูญเสียในพื้นที่หน้าปราสาทตาเหมือนธม ทหารกองพลน้อย ร.42 เสียชีวิต 1 ราย พื้นที่ใต้ประสาทตาเมือนธม พบผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นทหาร 3 นาย ประชาชน 4 ราย และพระสงฆ์ 1 รูป เครื่องบินโจมตี 3 บก.พลที่ 8, บก.พลที่ 9 และ บก.พลที่ 42, โดรนโจมตียอดภูมะเขือ คลังอาวุธ และเสาสัญญาณ, ปืนใหญ่โจมตี รถถัง 2 คัน ตรงข้ามสัตตโสม พื้นที่ภูมะเขือ พบทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากโดรนทิ้งระเบิด 14 นาย รวมทั้งสิ้น 23 ราย

ส่วนวันที่ 25 ก.ค. ปืนใหญ่โจมตี ตรงข้ามช่องบก ทำลายปืน ค.100 จำนวน 3 กระบอก ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย รวมทั้งสิ้นทหารกัมพูชาเสียชีวิต 24 นาย

เวลา 12.20 น. กองทัพบกแจ้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชน งดการอ้างอิงข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กภายนอก โดยเฉพาะเพจที่นำเสนอข้อมูลด้านการปฏิบัติการทางทหารโดย ไม่มีการกลั่นกรองหรือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกองทัพอากาศ แจ้งขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง 20-40 กม. ตามแนวปะทะชายแดน และงดการเผยแพร่ภาพ ข้อมูล บุคลากร เช่น ภาพ เสียง เวลา ที่แสดงตำแหน่งเครื่องบินผ่าน เครื่องบินวิ่งขึ้น ภาพนักบินและเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ในการปฏิบัติการทางทหาร

พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงว่า กองทัพไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายพลเรือนประกอบด้วย ชุมชนเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน การกระทำอันป่าเถื่อนเหล่านี้ได้คร่าชีวิตและสร้างความบาดเจ็บแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากอย่างไร้เหตุผล

จากหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา โดยสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจเหล่านี้ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพต่อชีวิตมนุษย์ และการไม่แยแสต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน การกำหนดเป้าหมายโจมตีพลเรือนโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม และผู้ที่รับผิดชอบจะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราขอเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลก ดำเนินการสอบสวนอย่างอิสระและโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษอย่างเหมาะสม

"กองทัพไทยขอยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอันโหดร้ายเหล่านี้ และขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่รุนแรงต่อพลเรือนในกัมพูชาโดยทันที ประชาคมโลกต้องไม่เพิกเฉยต่อความทารุณที่เกิดขึ้น และต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดความยุติธรรมและความรับผิดชอบ" โฆษกกองทัพไทยระบุ

เวลา 12.35 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงชี้แจง 1.ฝ่ายไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก 2.มีข้อมูลด้านการข่าวระบุฝ่ายกัมพูชา พยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่และจรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายเป็นการใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง (Human Shields) ซึ่งขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง 3.ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน 4.ทหารไทยยึดถือกติกาสากล 5.ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพบกดำเนินการบนพื้นฐานของเหตุผลความจำเป็นเคร่งครัดในกรอบกติกา 6.การใช้อากาศยานเพื่อนำพาอาวุธไปสู่เป้าหมายทางทหารมีความน่าเชื่อถือสูงในความแม่นยำ

สดุดีทหารไทยพลีชีพอีก 3

พ.ต.หญิงจุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.บ้านกรวด, จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก, อ.สังขะ, อ.บัวเชด, อ.ปราสาท และ อ.เมืองสุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์, อ.เบญจลักษ์, อ.ศรีรัตนะ, อ.พยุห์, อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี อ.เดชอุดม ได้รับผลกระทบ

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยมีจำนวนผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 63,446 คน (จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,813 คน, จ.สุรินทร์ จำนวน 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ จำนวน 26,511 คน และ จ.อุบลราชธานี จำนวน 10,476 คน)

กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อเช้าวันที่ 25 ก.ค. ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอกกฤษฎา น้อยโคตร และ 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ

ช่วงหลังเที่ยง กองทัพอากาศ ส่ง F-16 จำนวน 4 เครื่อง ปฏิบัติการทางอากาศกับพื้นที่เป้าหมายทางทหารของกัมพูชา 2 จุด จากนั้นกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย ขณะที่เที่ยวที่ 2 ช่วงบ่าย ได้ขึ้นบินอีก 2 เครื่อง เพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหาร ไม่พลาดเป้า 2 จุด ก่อนกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย โดยการปฏิบัติทางอากาศในวันนี้เน้นทำลายเป้าหมายทางทหารกัมพูชา ยุทธบริเวณโดยรอบเขาวิหาร ตาเมือนธม ภูมะเขือ ที่เป็นขุมกำลังรบ ที่กัมพูชาใช้ยิงเข้ามาลงบ้านเรือนประชาชน และโรงพยาบาล ชายแดนฝั่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นยุทธวิธีทำลายอาวุธของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลปฏิบัติการเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศโจมตียุทธบริเวนพื้นที่เป้าหมายทหารกัมพูชาหลายจุด เช่น บก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 พื้นที่ยุทธบริเวณเขาพระวิหาร ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม ล่าสุดเพจกองทัพบกเผยแพร่ข้อความระบุว่า ขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาตกต่ำอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียง จะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย แนวหน้า กัมพูชาบาดเจ็บจำนวนมาก นอนบาดเจ็บอยู่ในหลุมหลบภัยออกมาไม่ได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ในการประชุม สมช. วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติ 1.อนุมัติให้กองทัพดำเนินการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย 2.ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ 3.ให้กระทรวงการต่างประเทศทำการประท้วงและประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดต่ออธิปไตยของไทย และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ด้านกองทัพเรือ พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้ตรวจความพร้อมรบ ในการเตรียมกำลังทางเรือ (หมู่เรือพิฆาต) หน่วยซีล (นักรบ 3 มิติ) กองการบินทหารเรือ (อากาศยานต่อต้านภัยคุกคาม) โดยมีผู้นำกำลังรบส่วนต่างๆ นำกำลังพลแถวรับฟังโอวาท เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติ และสร้างขวัญกำลังใจ ณ หน่วยพื้นที่ทางทหาร ในส่วนของกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกประกาศเรื่อง ให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ 1.จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ อำเภอมะขาม อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอแก่งหางแมว อำเภอนายายอาม และอำเภอเขาคิชฌกูฏ 2.จังหวัดตราด อำเภอเขาสมิง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ฮุน มาเนต โวยไทยเบี้ยวหยุดยิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุต้องการเวลาให้ทหารไทยสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุน เซน ว่าคำกล่าวของนายทักษิณยิ่งตอกย้ำความก้าวร้าวของกองทัพไทยที่มีต่อกัมพูชา

“ไม่แปลกใจกับท่าทีของนายทักษิณ ซึ่งทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทย และสมาชิกพรรคการเมืองของตัวเอง ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือการที่นายทักษิณมีความเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวมุสลิมหลายร้อยคน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เมื่อปี 2547 และล่าสุดภายใต้ข้ออ้างที่จะแก้แค้นข้าพเจ้าด้วยการทำสงคราม ซึ่งผลลัพธ์สุดท้าย คือความทุกข์ทรมานของประชาชนเท่านั้น” สมเด็จฮุน เซน ระบุ

เวลา 17.45 น. พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการพูดคุยกับนายอันวาร์ที่น่าสนใจ ตอนหนึ่งระบุว่า คำตอบเบื้องต้นที่ข้าพเจ้าได้รับจากนายอันวาร์หลังจากการหารือกับนายภูมิธรรม คือ ฝ่ายไทยเห็นด้วยกับคำขอหยุดยิงของนายอันวาร์ โดยกำหนดให้เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 24 ก.ค. เป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดยิง

"แต่น่าเสียดายที่กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าฝ่ายไทยได้เปลี่ยนจุดยืนจากที่ตกลงหยุดยิงเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 24 ก.ค. เป็นไม่เห็นด้วย และรออยู่นายอันวาร์ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นสิ่งสำคัญในการยุติความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างไทยและกัมพูชาในเวลานี้คือ ความปรารถนาดีอย่างแท้จริงของฝ่ายไทยที่จะยอมรับการหยุดยิง ซึ่งเป็นก้าวแรกในการหาทางออกร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่าย" นายกฯ กัมพูชาระบุ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ได้เวลา ‘กริพเพน’ ผนึก F-16 ถล่ม ‘ภูมะเขือ-เขาพระวิหาร’ สกัดทหารเขมรใช้อาวุธวิถีโค้ง

42 นาทีที่แล้ว

ทภ.2 สรุปสมรภูมิชายแดนปะทะหนัก 6 จุด ไทยยึด ‘ภูมะเขือ’ ได้แล้ว ‘ปราสาทตาควาย’ ยังรบเดือด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘หมอก้อง’ ได้ฤกษ์รวมพล เปิด ‘FIN STARS MARKET’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทักษิณเจอดีรับวันเกิด ชาวบ้านตะโกนถามเป็นเพื่อน ‘ฮุนเซน’ ทำไมให้ฆ่าคนไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

การรถไฟฯ ประกาศงดเดินรถไฟ สายตะวันออก อรัญประเทศ - คลองลึก ไม่มีกำหนด

สยามนิวส์

วธ.เตรียมพร้อม ‘พิธีการศพในพระบรมราชานุเคราะห์’ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ไทยโพสต์

จิตรกรรม 'ปู่ม่าน ย่าม่าน' วัดภูมินทร์ รอดน้ำท่วมน่าน มท.ดึงกรมศิลป์ สำรวจ

ฐานเศรษฐกิจ

กัมพูชาเผยมีผู้เสียชีวิต 13 รายจากเหตุปะทะกับไทย

สำนักข่าวไทย Online

“ทักษิณ” ย้ำปมไทย-กัมพูชา ไม่เกี่ยวสองตระกูลขัดแย้ง

สำนักข่าวไทย Online

"จิรายุ" เชื่อสื่อนานาชาติเข้าใจไทย ภารกิจเหยี่ยวเวหา F-16 จำกัดวงเฉพาะพื้นที่ทหาร หลังกัมพูชาถล่มเป้าหมายพลเรือนไทยต่อเนื่อง

Manager Online

วช. จับมือ กทม. สสส. สภาลมหายใจกรุงเทพฯ และ มก. ร่วมตอบคำถาม “ฝุ่นกรุงเทพฯ มาจากไหน” ภายใต้กิจกรรม “นักสืบฝุ่น The series”

Manager Online

ไล่ไทม์ไลน์การละเมิดสนธิสัญญาของกัมพูชา ลอบวางระเบิด ยิงใส่ รพ.

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...