กวาดล้างสินค้าปลอมภาคเหนือ เกือบสามพันชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ., เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของแบรนด์สินค้า ได้ร่วมกันตรวจค้น จำนวน 9 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ ดังนี้ 1.นครสวรรค์ 2.อุตรดิตถ์ 3.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย
ดำเนินคดีในฐานความผิดฐาน เสนอจำหน่าย/มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 พร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 2,889 ชิ้น มูลค่าความเสียหายมากว่า 2 ล้านบาท โดยสินค้าที่ตรวจยึดสินค้าเป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าหลากหลายประเภท อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องมือช่าง เสื้อผ้า กระเป๋าแบร์นเนม และถุงเท้าแบรนด์ยี่ห้อดัง
พฤติการณ์ ด้วยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ร่วมกันประชุมหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์จนได้มีบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือปฏิบัติงานการป้องกันการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อปกป้องคุ้มครองพิทักษ์สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและขจัดปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้ลดน้อยลง
ต่อมาในระหว่างวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ.ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกลงพื้นที่ภาคเหนือ โดยมุ่งเป้าไปยังพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก และเป็นแหล่งการค้าสำคัญของภาคเหนือ โดยตรวจค้นจับกุม แหล่งจำหน่าย กักเก็บค้าสินค้าปลอม เครื่องหมายการค้า และละเมิดลิขสิทธิ์ที่แพร่ระบาดในพื้นที่ มีทั้งที่เป็นร้านค้าที่จำหน่ายทั้งหน้าร้าน และสถานที่กักเก็บสินค้าเพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ส่งขายทั่วประเทศ โดยได้ขอศาล อนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้นสถานที่ จำนวน 9 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย พร้อมตรวจยึดสินค้า รวมจำนวนกว่า 2,889 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากว่า 2 ล้านบาท จากการตรวจสอบ พบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และปลอมเครื่องหมายการค้า จึงได้ร่วมกันตรวจยึดสินค้าดังกล่าว พร้อมกับจับกุมบุคคลที่เป็นเจ้าของสินค้าดังกล่าวนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน