ถล่มเขมร กวาด“ชินวัตร”ตกเวทีไปด้วย!?
เมืองไทย 360 องศา
ยังไม่รู้ว่า บทสรุปตอนท้ายว่าการเจรจาหยุดหยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมี มาเลเซียเป็นคนกลางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และมีสหรัฐอเมริกา และจีน เป็นผู้สังเกตการณ์ เริ่มขึ้นเมื่อตอนบ่ายวันที่ 28 กรกฎาคม และยังไม่แน่ชัดว่าบทสรุปจะออกมาแบบไหน และคนไทยยอมรับได้หรือเปล่า
แน่นอนว่า การเจรจาหยุดยิงครั้งนี้ย่อมเป็นที่จับตามองโดยเฉพาะคนไทยที่กลายเป็นว่า “ไม่ไว้วางใจ” รัฐบาลของตัวเอง ไม่ไว้ใจคนที่ไปเจรจา ที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี มี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ว่าทำไมถึงไม่ค่อยวางใจคนพวกนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเขาถูกมองว่า ไม่ต่างจาก “คนรับใช้” ครอบครัวชินวัตร ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบทบาทที่ผ่านมา ก็ทำหน้าที่เหมือนกับเป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่รับตำแหน่ง ไปจนถึงถูกศาลสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาอารมณ์ของคนไทยเวลานี้ หรือไม่ก็ช่วงก่อนหน้านั้นไม่นาน ตั้งแต่ “คลิปหลุด” สนทนากับ “อังเคิลฮุน” เวลานั้นคนไทยถึงบางอ้อ ทุกอย่างกระจ่างชัดว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ระหว่าง “สองตระกูลข้ามชาติ” ดังกล่าวนี้ มันช่างน่ารังเกียจเพียงใด และโฟกัสแคบๆ แค่สาเหตุที่เกิดการสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชา ตลอดแนวชายแดนกว่า 800 กิโลเมตร ตั้งแต่บนบกลงไปในทะเล แถบจังหวัดจันทบุรีและตราด สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งสองฝ่ายแบบประเมินค่าไม่ได้
แต่อย่างไรก็ดี คราวนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่คนไทยส่วนมากหรือแทบจะทั้งหมดเห็นตรงกันว่า สาเหตุของการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาคราวนี้มาจากความขัดแย้งระหว่าง “ตระกูลฮุน” ของ นายฮุน เซน ของกัมพูชา กับ “ตระกูลชิน” ที่นำโดยนายทักษิณ ชินวัตร และที่สำคัญเป็นเพราะ “ผลประโยชน์ขัดแย้งกัน” เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแต่อย่างใด
ปรากฏการณ์ ทางอารมณ์แบบนี้ แน่นอนว่าย่อมสร้างผลกระทบ โดยเฉพาะทางด้านเมืองของครอบครัวอย่างใหญ่หลวง และหากสังเกตจะเห็นว่า ทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวล่าสุดระหว่างที่ ลงพื้นที่ชายแดน หลังเกิดการสู้รบและสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านมากมาย โดยถือว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับการ “ต้อนรับอย่างเย็นชา” มากที่สุดเท่าทีเคยเห็นมา
แม้ว่าในทางการเมืองก็เข้าใจได้ไม่ยากว่า นี่คือความพยายามในการ “แก้เกม” ด้วยการไปพบกับชาวบ้านไปแสดงฝีมือ “ผัดข้าว” ตามวิถีนักการเมืองที่ผ่านมา แต่คราวนี้ไม่ค่อยได้ผล เพราะอย่างที่บอกว่า อารมณ์ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่มองว่าสาเหตุความเดือดร้อนคราวนี้มาจาก “สองครอบครัวข้ามชาติ” นี่เอง แต่พลอยทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนไปด้วย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ปฏิเสธ โดยย้ำว่าไม่ใช่สาเหตุมาจากความขัดแย้งของสองครอบครัว โดยเธอชี้แจงว่า น่าจะมาจากการที่ไทยปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” จนสร้างความไม่พอใจให้กับทางการกัมพูชามากกว่า
“ดิฉันไม่ทราบว่า เป็นการเสียผลประโยชน์หรือไม่ เพราะเรื่องแก้ปัญหายาเสพติดและปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์เป็นหน้าที่รัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อได้คุยกันแล้วก็ทราบว่า กัมพูชาไม่พอใจที่ไม่เชิญไปร่วมด้วย”
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อพอกลับมานึกย้อน ก็รู้ว่าเป็นการแสดงความไม่พอใจตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าความไม่พอใจนี้ เป็นความไม่พอใจในการปราบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ เพราะตนไม่เคยทราบเลยว่าจะมีประเทศใดไม่พอใจ เมื่อประชาชนถูกหลอกและเอารัฐบาลมาช่วย ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ จึงทำให้รู้สึกว่าเราคงไปขัดผลประโยชน์บางอย่าง หรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตนก็ไม่แน่ใจ ซึ่งตนก็มั่นใจว่า รัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะใช้ตระกูลชินวัตรหรือไม่ ก็ต้องปราบเรื่องนี้เพราะเป็นผลกระทบต่อคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปราบเช่นเดียวกับยาเสพติด ไม่ทำก็ไม่ได้
ด้าน นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างสองประเทศเกิดจากความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล นายทักษิณระบุว่า ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีทางเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นสถานการณ์ของทั้งสองประเทศ ไม่มีความขัดแย้งระหว่างครอบครัว เป็นเรื่องของนายฮุนเซน ที่ไม่สามารถควบคุมและบริหารงานได้ พร้อมยกตัวอย่างในช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มีการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จนทำให้ตนมีคำสั่งให้ตำรวจคอมมานโดไปรับตัวคนไทยออกมา
ส่วนที่มีหญิงชาวอุบลฯ เข้ามาต่อว่า นายทักษิณ ในวันนี้ว่าเป็นเพื่อนกับ นายฮุนเซน แต่ทำไมปล่อยให้เขามาทำร้ายคนไทย นายทักษิณ ตอบว่า ตนขอเล่าว่าที่ผ่านมาตนเองได้โทรศัพท์ไปโวยวายว่าเมื่อลูกของเราเป็นนายกฯ ทั้งสองประเทศทำไมถึงยกกำลังมาประชิดชายแดนกัน ซึ่งได้หารือว่จะต้องทำอย่างไร โดยได้คำตอบว่าจะต้องเจรจากันจนเป็นที่มาของคลิปเสียงของนายกฯ จนเป็นที่มาของการพูดคุยในระดับทหาร ต่อมาทหารได้สั่งยุทธการได้ก่อนแล้วว่า วันจันทร์จะมีมาตรการปิดด่าน กัมพูชาก็ถอนกำลังกลับไป การปิดด่านก็เลยตามเลยไป จึงทำให้นายฮุนเซน ไม่พอใจและพูดจาไม่ดีออกมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงโพสต์เฟซบุ๊กว่า Non Professional จึงเป็นที่มาของการแอบอัดเสียงสนทนาและปล่อยลงโซเชียล
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัว ถ้าหากไม่พอใจกันจะต้องทำวิธีอื่น แต่ครั้งนี้เราถือว่าสถาบันชาติสำคัญที่สุด เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทีหลัง ซึ่งคุยกันได้และได้คุยกันไปแล้วแต่มันบ้าไปแล้วเลยไม่รู้จะคุยยังไง สุดท้ายนายทักษิณได้ยืนยันว่าอีกไม่นานสถานการณ์จะสงบ ซึ่งผมมั่นใจ”
ดังนั้น นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ “สองพ่อลูก” ชินวัตร ที่ต้องออกแรงชี้แจงว่า สาเหตุการสู้รบครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยที่ประมวลเหตุการณ์จากอดีตแล้ว เชื่อว่าพวกเขา “ฝังใจจำ” ไปแล้ว ไม่เชื่อก็ลองไปดูอารมณ์ในโลกโซเชียล ว่าไปไกลแค่ไหน รุนแรงแค่ไหน แรงจนแทบจะฝังครอบครัวนี้ไปแล้ว ซึ่งก็น่าจะรวมถึงพรรคเพื่อไทยที่ต้องโดนเข้าไปเต็มๆ !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO