สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568
สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 ก.ค. 68 8:30: น.
*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนก.ย. ปิดที่ 69.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.75%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ย. ปิดที่ 72.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.53%
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ในวันอังคารที่ผ่านมา (29 ก.ค.) จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียเกี่ยวกับสงครามในยูเครน และความคาดหวังว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับชาติคู่ค้าหลักกำลังจะคลี่คลายลง โดยในวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า จะเริ่มเก็บภาษีและใช้มาตรการอื่น ๆ กับรัสเซีย ภายใน 10 วันนับจากวันนี้ หากรัสเซียไม่แสดงความคืบหน้าในการยุติสงครามในยูเครน
*** กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2025 และ 2026 เล็กน้อย โดยปรับขึ้น 0.2 จุดเปอร์เซนต์ เป็น 3.0% สำหรับปี 2025 และเพิ่มขึ้น 0.1 จุดเปอร์เซนต์ เป็น 3.1% สำหรับปี 2026 โดยให้เหตุผลจากการซื้อสินค้าที่แข็งแกร่งเกินคาดก่อนการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ส.ค. รวมถึงอัตราภาษีนำเข้าที่แท้จริงของสหรัฐฯ ที่ลดลงเหลือ 17.3% จากเดิม 24.4% อย่างไรก็ตาม IMF ได้เตือนว่า เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญหลายประการ รวมถึงความเป็นไปได้ที่อัตราภาษีจะดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง รวมไปถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการขาดดุลทางการคลังที่มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นและทำให้ภาวะการเงินโลกตึงตัว
*** นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯและจีนจะยังคงหารือเกี่ยวกับการรักษาสถานะสงบศึกด้านภาษี ก่อนที่ข้อตกลงจะหมดอายุลงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะขยายเวลาออกไปหรือไม่ โดยเบสเซนต์เป็นผู้นำคณะผู้แทนสหรัฐฯ ร่วมกับนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะรายงานสรุปประเด็นที่เหลือให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบในวันพุธนี้
การเจรจาที่กรุงสตอกโฮล์มถือเป็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รอบที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ซึ่งการเจรจาสิ้นสุดลงก่อนเส้นตายวันที่ 12 ส.ค. โดยการขยายเวลาเพิ่มอีก 90 วัน เป็นหนึ่งในทางเลือกที่นายเบสเซนต์กล่าว
*** นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาได้เตือนเจ้าหน้าที่จีนว่า การที่ยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร จะนำไปสู่การเก็บภาษีจำนวนมากเนื่องจากกฎหมายที่ผ่านสภาฯ แต่ก็ได้รับคำตอบว่าจีนจะปกป้องอธิปไตยด้านพลังงานของตน หลังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กรุงสตอกโฮล์มเสร็จสิ้นลงเป็นเวลา 2 วัน นายเบสเซนต์กล่าวว่า เขาได้แสดงความไม่พอใจของสหรัฐฯ ต่อการที่จีนยังคงซื้อน้ำมันอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตร รวมถึงการขายสินค้าเทคโนโลยีที่ใช้ได้สองทาง (Dual-use Technology) มูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับรัสเซีย ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครน
*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อินเดียอาจเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าระหว่าง 20% ถึง 25% แต่การจัดเก็บภาษีขั้นสุดท้ายยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ กำลังเจรจาข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทรัมป์กล่าวว่า ผมคิดอย่างนั้น หลังถูกถามว่านี่คืออัตราภาษีที่เป็นไปได้สำหรับอินเดียหรือไม่ อินเดียเป็นเพื่อนที่ดี แต่โดยพื้นฐานแล้วอินเดียได้เรียกเก็บภาษีมากกว่าเกือบทุกประเทศ คุณทำแบบนั้นไม่ได้
*** นายคู ยุน-ชอล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ เร่งหารือกับนายฮาวเวิร์ด ลุตนิครัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อปิดดีลการค้าก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.นี้ โดยโฆษกกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการหารือดังกล่าว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. สำหรับการบังคับใช้ภาษีนำเข้า 25% กับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ และเป็นผู้ส่งออกชิป รถยนต์ และเหล็กกล้ารายใหญ่
*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินการตามมาตรการภาษีของเขา และบริษัทต่าง ๆ ก็แสดงท่าทีชัดเจนถึงแนวทางรับมือ นั่นคือการผลักภาระภาษีให้ผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยบรรดาผู้ค้าปลีกรายใหญ่และผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคได้ออกมาเตือนว่า การเก็บภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานอย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาต้องเลือกระหว่างการยอมรับกำไรที่ลดลง หรือการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังลูกค้า
บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ ซึ่งผลิตสินค้าพื้นฐานในครัวเรือนตั้งแต่กระดาษชำระไปจนถึงผงซักฟอก ประกาศแนวโน้มผลประกอบการปี 2026 ที่น่าผิดหวัง และส่งสัญญาณถึงผู้ค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Walmart ว่าจะต้องขึ้นราคาสินค้าบางรายการในสหรัฐฯ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
*** สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยว่า ตำแหน่งงานว่างและการจ้างงานในสหรัฐฯ ลดลงในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางการลดลงอย่างมากในภาคบริการที่พักและอาหาร ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นของกิจกรรมในตลาดแรงงาน
รายงานผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนแรงงาน (Job Openings and Labor Turnover Survey - JOLTS) ระบุว่า ตำแหน่งงานว่างซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์แรงงาน ลดลง 275,000 ตำแหน่ง เหลือ 7,437,000 ตำแหน่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. การจ้างงานลดลง 261,000 ตำแหน่ง เหลือ 5,204,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระดับภาษีที่จะบังคับใช้ในท้ายที่สุด ทำให้ภาคธุรกิจลังเลที่จะเพิ่มการจ้างงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานที่ยังคงสูง ด้านตำแหน่งงานว่างในภาคบริการที่พักและอาหาร ลดลง 308,000 ตำแหน่ง ขณะที่การจ้างงานในภาคส่วนนี้ ลดลง 106,000 ตำแหน่ง
*** Anthropic สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังใกล้บรรลุข้อตกลงระดมทุนรอบใหม่สูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งแตะ 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทลงทุน Iconiq Capital เป็นผู้นำการระดมทุนรอบนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ารวมระหว่าง 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ Anthropic ยังอยู่ระหว่างหารือกับ Qatar Investment Authority และ GIC ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ เพื่อเข้าร่วมในการระดมทุนครั้งนี้ด้วย
*** Microsoft Corp. กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสูงเพื่อบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญของ OpenAI ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยขจัดอุปสรรคสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กลายเป็นองค์กรแสวงหาผลกำไร โดยทั้ง 2 บริษัทได้หารือเงื่อนไขใหม่ที่จะช่วยให้ Microsoft สามารถใช้โมเดล AI ล่าสุดและเทคโนโลยีอื่น ๆ ของ OpenAI ได้ แม้ว่าสตาร์ทอัพดังกล่าวจะบรรลุเป้าหมายในการสร้าง AI ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น หรือที่เรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence - AGI) ตามสัญญาปัจจุบัน การที่ OpenAI บรรลุ AGI ถือเป็นก้าวสำคัญที่ Microsoft จะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงเทคโนโลยีบางอย่างของ OpenAI
*** Visa รายงานผลกำไรและรายได้ไตรมาส 3 สูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวลงก็ตาม อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงคาดการณ์การเติบโตของรายได้สุทธิทั้งปีไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
รายได้สุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 14% เป็น 10,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ที่ 9,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายงานกำไรสุทธิหลังปรับทวนอยู่ที่ 2.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเช่นกัน
*** นายเควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวถึงการอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังประเทศจีน โดยระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานได้ตัดสินใจที่จะอนุญาตการส่งออกชิปดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้จีนก้าวล้ำหน้าในการแข่งขันเพื่อผลิตชิปที่ดีที่สุด
ชิป H20 เป็นชิปที่ดีที่สุดที่ Nvidia สามารถเสนอขายในจีนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่มีกำลังประมวลผลบางส่วนที่ด้อยกว่าชิปเวอร์ชันที่จำหน่ายนอกประเทศจีน เนื่องจากข้อจำกัดที่กำหนดโดยรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก และต่อมาโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
*** สิงคโปร์คงนโยบายการเงินไว้ตามเดิม ขณะที่กำลังเผชิญกับความกังวลทางการค้าจากรัฐบาลทรัมป์ โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore - MAS) แถลงว่าจะคงช่วงและระดับศูนย์กลางของกรอบนโยบายไว้เท่าเดิม พร้อมเตือนว่าการเติบโตของ GDP มีแนวโน้มชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี 2025 จากอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งในครึ่งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าน่าจะเห็นการชะลอตัวบางส่วน
สิงคโปร์แตกต่างจากประเทศส่วนใหญ่ตรงที่ไม่ได้ใช้อัตราดอกเบี้ยในการบริหารจัดการนโยบายการเงิน แต่ใช้วิธีการเสริมสร้างหรือลดทอนค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักภายใต้กรอบนโยบาย โดยสิงคโปร์ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี 10% แม้ว่าจะขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ และมีข้อตกลงการค้าเสรีมาตั้งแต่ปี 2004 ก็ตาม
*** ออสเตรเลียเตรียมรวม YouTube ไว้ในมาตรการแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของทางการหลังจากที่ YouTube ได้รับการยกเว้นจากร่างกฎหมายฉบับแรก โดยนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีส และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร อนิกา เวลส์ เตรียมยืนยันการตัดสินใจดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยมาตรการแบนนี้มีกำหนดบังคับใช้ช่วงปลายปี 2025
*** เม็กซิโกกำลังปรับขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากบริษัทต่าง ๆ เช่น Shein Group และ Temu ผู้ค้าปลีกสัญชาติจีน ในขณะที่การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจากสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้าย โดยภาษีใหม่ที่ 33.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 19% จะบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ ที่เม็กซิโกไม่มีข้อตกลงทางการค้าด้วย ส่วนสินค้าที่มาจากสหรัฐฯ และแคนาดาผ่านบริการขนส่งด่วนจะยังคงเสียภาษี 17% หากมีราคาอยู่ระหว่าง 50-117 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สินค้าที่มีราคาต่ำกว่าช่วงดังกล่าว จะยังคงได้รับการยกเว้นภาษี ขณะที่สินค้าที่มีราคาสูงกว่านั้นจะต้องเสียภาษี 19%
รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ