สั่งกนอ. ฟันไม่เลี้ยง'นิคมศูนย์เหรียญ' ตั้งเป้าเพิ่มอุตสาหกรรมดีดัน GDP
นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ กนอ.และผู้บริหารระดับสูงของ กนอ. ว่าได้ประกาศเจตนารมณ์ในการทำงานที่เหมือนเป็นการทำงานวันสุดท้าย เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมย้ำว่า ภาคอุตสาหกรรมคือความหวังของประเทศ โดยเฉพาะการลงทุน (Investment) ที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาลงทุน สร้างงาน และส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก ซึ่งเปรียบเสมือนการ“จ้างช่างซ่อมที่ชื่อ เอกนัฏ พร้อมพันธ์” มาฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมไทย ยังต้องเผชิญความท้าทายจากการแข่งขัน โดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่กำหนดขอบเขตภาษีสูงถึง 36% ในบางสินค้า รวมถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain) ที่ซับซ้อน เช่น กรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อาจเพิ่มต้นทุนการขนส่งจากการปรับเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น โดยได้สั่งการให้ กนอ. ดำเนินการเร่งด่วน คือ
1.ปราบปราม“อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ”หรือ“โรงงานเถื่อน”อย่างเข้มงวด โดยใช้ พ.ร.บ.โรงงานฯ มาตรา 39 วรรค 1 เพื่อจัดการกับโรงงานที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์แต่ไม่สร้างมูลค่า ลดคุณภาพสินค้า ปล่อยมลภาวะ และทิ้งกากขยะอุตสาหกรรม
2.ป้องกันคุณภาพสินค้าและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นย้ำมาตรฐานอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะปัญหากากอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้ พ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมฯกำลังอยู่ในระหว่างการผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น พ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมฉบับแรกของไทย
3.อุดช่องว่างทางกฎหมาย ตรวจสอบความผิดพลาดการออกใบอนุญาตและการประกอบกิจการโรงงาน รวมถึงปัญหาช่องว่างการออกใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการผลิตโดยไม่แจ้งประกอบกิจการ รวมทั้งลดช่องว่างระหว่าง กนอ.และกรมโรงงานอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จะสนับสนุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แต่ GDP ของประเทศกลับไม่ดีขึ้น สะท้อนถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขที่ต้นตอ คือ การจัดการกับ“อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ”และโรงงานเถื่อน” ขณะเดียวกันมองว่าแม้ กนอ.จะเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) เท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันความเสียหาย และอำนวยความสะดวกในการลงทุน โดยเชื่อว่า “ทุกการเปลี่ยนแปลง ทุกความท้าทาย ในวิกฤติมักมีโอกาสเสมอ”
“หลักการง่าย เร็ว โปร่งใส เพื่อลดขั้นตอนการอนุมัติ ผมยกตัวอย่างสิงคโปร์เป็นต้นแบบ ที่สามารถดำเนินการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีปัญหา สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะดึงดูดให้ผู้พัฒนานิคมฯ สามารถลงทุนได้เร็วขึ้น การ“เปิดดำเนินการให้เร็ว ปิดให้เร็ว” คือหัวใจสำคัญ หมายถึงเมื่อเปิดดำเนินการรวดเร็ว แต่หากพบการทำผิดกฎหมาย ก็ต้องสามารถปิดกิจการได้โดยเร็วเช่นกัน” นายเอกนัฏ กล่าว
นอกจากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันแก้ไขปัญหาผังเมือง และให้ กนอ. สื่อสารความต้องการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงรูปแบบแรงจูงใจ (Intensive) ที่ดึงดูดโรงงานเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมให้มากขึ้น เพื่อกำจัดโรงงานศูนย์เหรียญและคืนมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และยังฝากให้ กนอ. คำนึงถึงประโยชน์ของ SMEs โดยการเปิดพื้นที่ในนิคมฯ ให้กับ SMEs มากขึ้น
ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ทั้งกระทรวงฯ และ กนอ. ต้องทำงานเป็นหนึ่งเดียว และต้องเปิดรับการเปลี่ยนแปลง เราจะทำงานแบบเดิมไม่ได้แล้ว
ขณะที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. กล่าวว่า กนอ.พร้อมรับลูกนโยบายเต็มที่ โดยประกาศกร้าวว่า ต่อไปในนิคมฯ จะต้องไม่มีโรงงานศูนย์เหรียญ ไม่มีการดำเนินงานที่ผิดกฎหมาย และนิคมฯ จะต้องเป็นแหล่งรวมของอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ปราศจากตราบาป
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า กนอ. จะดำเนินมาตรการควบคู่ไปกับกระทรวงอุตสาหกรรม และขอรับมอบทุกนโยบายของรมว.อุตสาหกรรม โดยจะเร่งสานต่อเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม