SET ปิดบวก 40.48 จุด ที่ 1,199.14 จุด เม็ดเงินเข้าหุ้นบิ๊กแคป AOT-DELTA-GULF
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.68) ดัชนี SET Index ปิดที่ระดับ 1,198.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.48 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 3.50% จากปิดตลาดก่อนหน้า ในช่วงระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,199.14 - 1,162.70 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 63,374.58 จุด
หากแบ่งมูลค่าซื้อขายตามประเถทนักลงทุน พบว่า มีเพียงนักลงทุนในประเทศเท่านั้นที่มีสถานะขายสุทธิ 4,443.72 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มต่างประเทศ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มีสถานะซื้อสุทธิ รวม 4,443.71 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,494.87 ล้านบาท, 1,073.60 ล้านบาท และ 875.24 ล้านบาท
5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด
- AOT ราคา 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 11.03% มูลค่าซื้อขาย 6,512.76 ล้านบาท
- DELTA ราคา 132.50 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท หรือ 15.72% มูลค่าซื้อขาย 6,331.34 ล้านบาท
- GULF ราคา 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.26% มูลค่าซื้อขาย 3,814.76 ล้านบาท
- CPALL ราคา 46.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.54% มูลค่าซื้อขาย 2,628.95 ล้านบาท
- TRUE ราคา 11.00 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 2,133.08 ล้านบาท
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน วิเคราะห์สถานการณ์หุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.68) ว่า บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังบวก แม้ช่วงสั้นตลาดไร้ปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนจากข่าวมีแผนปลดประธานเฟด
ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัญฯ ผันผวน จากข่าวประธานาธิปดีสหรัฐฯ มีแผนปลดประธานเฟด ก่อนที่ประธานาธิปดีสหรัฐฯ จะปฏิเสธรายงานดังกล่าวช่วยให้ตลาดสงบลง
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิต ตัวเลขที่ชะลอตัวลงหนุนคาดการณ์แนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัดความผันผวนในตลาด
ทั้งนี้ บรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมยังดูดี สนับสนุนโดยโดยจำนวนหุ้นใน SET50 และ SET ที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันได้มากกว่า 80% และ 70% ตามลำดับ และหุ้นใน SET50 และ SET100 จำนวน 40% และ 23% เข้ามาอยู่ในโซนขาขึ้น (MACD + ทั้ง Week และ Day) ทำให้ยังมีแนวโน้มที่จะเห็นการสลับเก็งกำไรรายตัวในจังหวะที่หุ้นบางส่วนเริ่มทยอยพักตัวหลักขึ้นมาแรง
ภาพรวมกลยุทธ์ แม้อาจยังผันผวนจากภาษีการค้าในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้า แต่การปรับตัวขึ้นเหนือ 1,140 จุด ทำให้โมเมนตัมของการฟื้นตัวในหุ้นรายตัวเปิดกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ว่าธปท.คนใหม่ อาจมีแนวโน้มดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น