ทรัมป์ 'ไล่ออก' หัวหน้ากระทรวงแรงงาน หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐต่ำคาด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งไล่ออก "เอ็นริกา แมคเอ็นทาร์เฟอร์" (Erika McEntarfer) หัวหน้าสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ของกระทรวงแรงงานสหรัฐ โดยมีขึ้นตามมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ "หดตัวลงหนัก" ในช่วงไตรมาส 3 ทำให้เกิดข้อครหาขึ้นว่าเขากำลังเล่นงานคนส่งสารเพื่อสกัดกั้นข่าวร้ายที่ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษ์รัฐบาล
ผู้นำสหรัฐอ้างว่า แมคเอนทาร์เฟอร์ "ปลอมแปลง" ตัวเลขการจ้างงานในช่วงก่อนการเลือกตั้งปีที่แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการคว้าชัยชนะให้ "คามาลา แฮร์ริส" ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และต่อมาทรัมป์ได้อ้างอีกหนึ่งเหตุผลด้วยว่า "ตัวเลขการจ้างงานในวันนี้ถูกบิดเบือนเพื่อทำให้พรรครีพับลิกันและสหรัฐดูแย่"
"เราต้องการตัวเลขการจ้างงานที่ถูกต้อง" ทรัมป์โพสต์บน Truth Social "ผมได้สั่งการให้ทีมงานของผมไล่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองจากไบเดนคนนี้ออกทันที เธอจะถูกแทนที่โดยคนที่มีความสามารถและคุณสมบัติมากกว่า"
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านี้ และยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลัง "เฟื่องฟู" ในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐเมื่อวันศุกร์เผยให้เห็นสถานการณ์การจ้างงาน ในช่วงฤดูร้อนซึ่งแย่กว่าที่คาดเอาไว้มาก โดยในเดือนก.ค.มีการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์สำรวจโดยบริษัทดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานในเดือนก่อนหน้ายังถูกปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การขยายตัวของการจ้างงานในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง ลดลงจากตัวเลขเดิมที่ 147,000 ตำแหน่ง ส่วนในเดือนพ.ค. ลดลงเหลือ 19,000 ตำแหน่ง จาก 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอ่อนแรงลงมาระยะหนึ่งแล้ว
หวั่นสร้างความกังขาข้อมูลเศรษฐกิจรัฐ
พอล ชโรเดอร์ ผู้อำนวยการบริหารของสภาสมาคมวิชาชีพด้านสถิติของสหรัฐ กล่าวถึงข้อกล่าวหาของปธน.ทรัมป์ว่าเป็นเรื่องที่ "สร้างความเสียหายและน่าตกใจอย่างยิ่ง" พร้อมเสริมว่าการกระทำนี้ไม่เพียงแต่ทำลาย "ความน่าเชื่อถือ" ของตัวเลขสถิติด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังทำให้ข้อมูลซึ่งจำเป็นต้องรักษาความเป็นอิสระและน่าเชื่อถือกลายเป็น "เรื่องการเมือง" อีกด้วย
ชโรเดอร์ กล่าวด้วยว่าการกระทำนี้ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงของรัฐบาล และจะส่งผลสะเทือนไปอีกหลายปี
ทั้งนี้ แมคเอ็นทาร์เฟอร์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นพนักงานระดับอาวุโสของรัฐบาลกลาง ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐ ในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช, บารัค โอบามา, ทรัมป์ในช่วงวาระแรก และโจ ไบเดน
ในเดือนมกราคม 2567 ก่อนที่แมคเอ็นทาร์เฟอร์จะได้รับการรับรองตำแหน่งจากวุฒิสภาสหรัฐให้ดำรงตำแหน่งปัจจุบัน เธอได้รับการสนับสนุนเห็นชอบจากอดีตหัวหน้าสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) 4 คน และสุดท้ายได้รับการลงมติรับรองในวุฒิสภา โดยมีผู้ลงคะแนนเห็นชอบ 86 เสียง และคัดค้าน 8 เสียง
'เฟด' ก็มีเซอร์ไพรส์ กรรมการเฟดลาออก
ในวันเดียวกันนี้ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นที่ฝั่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วยเช่นกัน เมื่อ "เอเดรียนา กูเกลอร์" (Adriana Kugler) 1 ใน 7 กรรมการเฟดชุดปัจจุบัน ได้ยื่นลาออกเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ ซึ่งนับเป็นการคือการเปิดโอกาสให้ทรัมป์แต่งตั้งกรรมการคนใหม่ในเฟดที่เขาขัดแย้งด้วยเกือบทุกวัน ในประเด็นที่เฟดไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ย
ทรัมป์จะเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการเฟดคนใหม่แทนคูเกลอร์ ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่จนหมดวาระในวันที่ 31 ม.ค. 2569 และตามข้อกำหนดแล้ว กรรมการเฟดที่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนคนที่ลาออกก่อนครบวาระ สามารถได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งเพื่อดำรงตำแหน่งเต็มวาระ 14 ปี