"บอร์ดอีอีซี" เร่งปลดล็อค 15 ก.ค.นี้ ออก NTP สร้าง "สนามบินอู่ตะเภา" รับ "ไฮสปีด 3 สนามบิน"
นายพิชัย ชุณหะวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อติดตาม ปัญหาอุปสรรคโครงการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะ โครงการสำคัญ 2 โครงการ คือ
1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) และ 2.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งได้ให้ทางเลขาธิการอีอีซี โดยเร่งรัดข้อติดขัดเพื่อให้ทั้ง 2 โครงการ คืบหน้าให้ได้โดยเร็วที่สุด
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวว่า นายพิชัย ชุณหะวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้หารือเพื่อติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
ทั้งนี้ในปัจจุบันงานก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ของกองทัพเรือ ที่มี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เป็นผู้รับจ้าง เตรียมดำเนิการแล้ว ซึ่งทางบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA) ผู้รับสัมปทานฯ ควรเริ่มก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
โดยเฉพาะเฟสแรกที่จะต้องสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 (Passenger Terminal Building 3) เพื่อให้ทั้งอาคารและรันเวย์ แล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนกรณีที่กำหนดส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) ในวันที่ 28 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ได้เลื่อนออกไป
อย่างไรก็ดีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) จะมีการประชุม เพื่อมีมติเห็นชอบในการส่งมอบหนังสือ NTP ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ด้วย
นายจุฬา กล่าวต่อว่า ทางอีอีซีจะเสนอประเด็นการนำโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) อู่ตะเภา มาดำเนินการเอง
หลังจากเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาจาก การให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนกับเอกชน ดำเนินการระยะเวลาเวลาไม่เกิน 50 ปี มาเป็นการให้เอกชนเช่าที่ดินเพื่อประกอบกิจการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งอีอีซีจะเป็นผู้คัดเลือก
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างสัญญาร่วมทุนฯ โดยสำนักงานอัยการสูงสุด
นอกจากนี้โครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ยังเป็นเงื่อนไขที่ทาง UTA กังวล และได้กำหนดไว้ในการออก NTP นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือให้ทาง UTA ยกเว้นเงื่อนไขนี้ได้หรือไม่ เพื่อให้การออกหนังสือ NTP ทำได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจทำให้เอกชนจะต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะกรณีที่โครงการรถไฟความเร็วสูงล่าช้า จะทำให้การขนส่งผู้โดยสารไม่เป็นไปตามคาดหมาย ซึ่งจะต้องหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
“ทางเอกชนจะต้องหาแหล่งเงินทุนมาลงทุนด้วย ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ในการลงทุนเท่าที่หารือกัน จะต้องมีเพิ่มเติมแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ เพราะค่อนข้างอ่อนไหว”