จับแล้วแม่ใจยักษ์จับลูกสาวแรกเกิดยัดกระเป๋าทิ้งข้างทาง
จับแล้ว แม่ใจยักษ์ จับลูกสาวแรกเกิดยัดกระเป๋าเป้สะพายหลัง ขี่รถจักรยานยนต์มาทิ้งข้างทาง บนขอบฟุตบาทของสะพานข้ามคลองบางกะสี ภายในซอยสุเห่าบางกะสี ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จนกระทั้งบ่ายอีกวันจึงมีคนมาเจอ เจ้าตัว ยอมรับว่านำลูกไปทิ้งตรงนั้นจริง แต่คาดหวังว่าจะมีคนมาเจอและเอาเด็กไปเลี้ยง ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะ ตั้งครรภ์โดยที่คนในบ้านไม่รู้ ส่วนฝ่ายชายได้เลิกรากันไปตั้งแต่ท้องเดือนแรกๆ ฝ่ายชายทิ้งไปมีหญิงอื่น
อ่านข่าว แม่ใจยักษ์ หอบลูกยัดใส่กระเป๋าทิ้งข้างถนน
ภาพจากกล้องวงจรปิดของศูนย์รักษาความปลอดภัย CCTV ของอบต.บางเสาธง จับภาพได้ในขณะที่ นางสาว พลอย อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดศีรสะเกษ นำลูกสาวแรกเกิดที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นาน ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำ นำมาวางในตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ ก่อนจะขับออกมาจากห้องเช่าในชุมชนหมู่บ้านไทยประกัน ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ช่วง เวลา 20.12 น. ของวันที่ 16 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา เข้าซอยสุเห่าบางกะสีแล้วนำลูกสาวของเธอเองที่ยัดอยู่ในกระเป๋าไปวางไว้ขอบฟุตบาทของสะพานข้ามคลองบางกะสี ซึ่งห่างจากห้องเช่าเธอประมาณ 2 กิโลเมตร ต่อมาภาพวงจรปิดใกล้กับจุดที่นำเด็กไปวางไว้ ต่อมาในช่วง 13.25 น. ที่มีคุณตาท่านหนึ่งเดินไปเห็นกระเป๋าและอุ้มเด็กเข้ามาที่หน้าบ้านพักก่อนจะรีบแจ้งตำรวจและกู้ชีพกู้ภัยเข้าช่วยเหลือเด็กส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์ที่มีการไปพบเด็กเกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.ค. 68
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผู้กำกับการ สภ.บางพลี ได้ตั้งทีมไล่ล่าตัวแม่ใจยักษ์รายนี้ โดยมี พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รองผกก.สส.สภ.บางพลี เป็นหัวหน้าที พร้อมระดมทีมสืบสวนฝีมือดี อย่าง พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี นำกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปไล่กล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พร้อมแบ่งทีมไล่ล่าตัวมารดาของเด็ก กระทั่งพบเส้นทางการก่อเหตุจนติดตามไปพบว่ารถจักรยานยนต์ที่ปรากฏตามภาพวงจรปิดถูกซุกซ่อนไว้หลังตึกห้องเช่า ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าจับตากระทั่งพบตัวนางสาวพลอย จึงเข้าควบคุมตัวและเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สภ.บางพลี โดยมีทางด้าน ผู้กำกับเข้าสอบปากคำด้วยตัวเอง
นางสาวพลอย เปิดใจรับสารภาพว่า ยอมรับว่า เอาลูกในไส้ไปวางทิ้งตรงนั้นจริง แต่คาดหวังว่าจะมีคนมาเจอและเอาเด็กไปเลี้ยง สาเหตุที่ทำเพราะว่า ตัวเองตั้งครรภ์โดยที่ ที่บ้านไม่มีใครรู้ ส่วนฝ่ายชายเลิกรากันไปตั้งแต่ท้องได้เดือนแรกๆ ฝ่ายชายก็ทิ้งตนเองไปมีหญิงอื่น ตอนนั้นกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ป้องกันแล้วแต่พลาด จากนั้นอุ้มท้องลูกมาตลอด 9 เดือน และคลอดลูกเองไม่ได้ไป โรงพยาบาล คลอดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมตัดสายสะดือลูกเอง ตอนที่ขี่รถหอบลูกมาทิ้ง มันคิดอะไรไม่ออก เป็นอารมณ์ชั่ววูบ ก็มองหน้าลูก สงสารและบอกกับลูกว่าแม่ขอโทษ แต่แม่เอาหนูไว้ด้วยไม่ได้ จึงตัดสินใจเอาเด็กมาวางตรงนั้น เพื่อให้มีคนมาเจอเร็ว ๆ เพราะตรงจุดนั้นมักมีรถบรรทุกจอดนอน จากนั้นก็วนกลับมาดู แต่อยู่อีกฝั่งถนน เห็นว่าลูกนอนตรงนั้น แต่ไม่คิดเอากลับไปด้วยเพราะตัดสินใจแล้วทางบ้านมารู้เรื่องก็บ่น ซึ่งล่าสุดบอกกับนักข่าวเราว่า อยากเอาลูกกลับไปเลี้ยงเพราะสำนึกผิด
ขณะที่น้าสาวของนางสาวพลอย บอกกับนักข่าวเราว่า ตนเองช็อกมากหลังจากที่ทราบเรื่อง ซึ่งตอนแรกทางบ้านที่ต่างจังหวัดเห็นภาพข่าว ได้โทรศัพท์มาหาตนเองให้ไปถามหลานสาวว่าใช่หรือไม่เนื่องจากคุ้นทั้งรถและคน ตนเองจึงโทรศัพท์กลับมาหาหลานสาว ตอนแรกก็ไม่ยอมรับ แต่พอเค้นถามความจริงจึงยอมรับว่าเป็นคนที่เอาเหลนไปทิ้งจริง ตอนนั้นตกใจมากไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับทางครอบครัว ก่อนหน้านี้ตนเองก็สังเกตเห็นว่าหลานท้องโต ก็เคยถามว่าตั้งครรภ์หรือไม่ เจ้าตัวก็บอกว่าไม่แต่เป็นเพราะความอ้วน จนเรื่องแดงขึ้นมา หลังเกิดเรื่องแล้ว ทางครอบครัวอยากรับเด็กกลับไปเลี้ยงดูแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ ส่วนแม่เด็กก็คงปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี บอกว่า หลังจากเกิดเหตุผู้บังคับการได้กำชับเร่งรัดคดีในการติดตามตัว จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปหาเบาะแสจนกระทั่งติดตามจับกุมตัวได้ ส่วนสาเหตุที่แม่เด็กก่อเหตุเช่นนี้ จากการสอบปากคำเบื้องต้นอ้างว่าไม่มีความพร้อมในการตั้งครรภ์และดูแลเด็ก เบื้องต้นแจ้งข้อหาความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 306 ซึ่งระบุว่า “ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่วนจะเข้าข่ายพยามฆ่าด้วยหรือไม่นั้น จากการสอบปากคำและตรวจสอบจุดที่วางทิ้งนั้นตามเจตนาของมารดาในทางกฎหมายยังไม่เข้าข่าย ทั้งนี้ทางด้านผู้กำกับยังฝากเตือนและให้คติธรรมสำหรับคุณแม่ที่ไม่พร้อมจะมีบุตรแล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา โดยระบุว่า ในทางพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ตรัสคำสอนไว้ว่า การที่เด็กสักคนจะมาเกิดได้นั้น เปรียบเสมือน เต่าร้อยปีที่โผล่พ้นน้ำมา แล้วเอาหัวสอดเข้าไปในแอ่งรูนั้น แล้วคิดมองภาพตามว่าทั้งโลกที่กำลังถูกน้ำท่วมทั้งโลก แล้วโอกาสที่เด็กจะเกิดขึ้นมาสักคนมันยากมาก แต่พอเด็กเกิดมาแล้วก็เป็นไปตามผลกรรมที่เด็กเคยทำไว้ เด็กคนนี้ก็เช่นกัน วิบากกรรมที่ทำไว้ เอาทำให้เข้ามาเกิดแต่อาจจะถูกทอดทิ้งในตอนแรกและผลกรรมดีที่ติดตัวเด็กมาจึงทำให้เขามีชีวิตรอดอยู่ในสังคมต่อไป