โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ถอนโฉนดเขากระโดงป่วน ชาวบ้าน-นายทุนบุรีรัมย์จ่อฟ้อง

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปฏิบัติการทวงคืนที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร้อนฉ่าขึ้นเมื่อศึกการเมืองเปลี่ยนขั้วพรรคเพื่อไทยกุมอำนาจในกระทรวงมหาดไทยแทนที่พรรคภูมิใจไทยส่งผลให้ เกิดการล้างบางครั้งสำคัญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยมิชอบคืนรฟท.จำนวน 5,08 3ไร่ 995 ฉบับตามคำสั่งศาลปกครองกลางเมื่อปี2566 ยืนตามคำพิพากษาศาลฎีก

ซึ่งถือว่าการพิจารณาสิ้นสุดแล้ว โดยพุ่งเป้าไปที่คนในตระกูลชิดชอบ ครอบครองที่ดินมากถึง 12 แปลง 288 ไร่ ทว่าเกิดผลกระทบบานปลายเนื่องจากมีที่ดินของภาคเอกชน นิติบุคคล รวมถึงประชาชน ถือครองในพื้นที่จำนวนมาก

ท่ามกลางเสียงคัดค้าน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เป็นวงกว้าง และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากเพิกถอนเอกสารสิทธิ

ขณะที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นพื้นที่ข้อพิพาทดังนั้นการทำธุรกรรมต่างๆ จึงต้องถูกบันทึกร่วมกันระหว่างเจ้าพนักงานที่ดิน ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ให้ยอมรับถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ในทางกลับกัน

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ระบุว่า การแถลงของกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินเขากระโดง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อประชาชนผู้ประกอบการธุรกิจ และนิติบุคคลยืนยันว่าถือครองเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมายในพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์

สอดคล้องนายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความ เปิดเผยว่า ข้อพิพาทสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง แม้จะมีคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์บางคดีที่รฟท.นำมาอ้าง แต่ภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง

คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันเฉพาะคู่ความและที่ดินพิพาทในคดีเท่านั้น ไม่อาจยกขึ้นยันกับราษฎรผู้ถือเอกสารสิทธิตามกฎหมายในที่ดินแปลงอื่น

อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวและได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 และมาตรา 3 อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 37 อีกด้วย

ขณะเดียวกันจนถึงปัจจุบันไม่ปรากฏว่า มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตและจัดซื้อที่ดิน พร้อมแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษา รับรองให้ รฟท. ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บนที่ดินบริเวณเขากระโดงตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 หรือกฎหมายอื่นใด

ดังนั้นที่ดินพิพาทจึงไม่ตกเป็น ที่ดินรฟท.ตามนิยามในพระราชบัญญัติดังกล่าว

“ ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่สำรวจ (Exploitation Plan) ดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อรองรับการขนย้ายหินบริเวณเขากระโดงชั่วคราว โดยอาศัยพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 มาตรา 45 จึงไม่ใช่ทางรถไฟเพื่อใช้ในการเดินรถตามมาตรา 3 (3) ของพระราชบัญญัติเดียวกัน และไม่ใช่แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาที่ผ่านกระบวนการพระราชทานโปรดเกล้าฯ ตามกฎหมาย” นายชนินทร์ กล่าว

ข้อเท็จจริงข้างต้นยืนยันอย่างชัดเจนว่า ราษฎรผู้ถือครองเอกสารสิทธิโดยสุจริตยังคงมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณเขากระโดงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทุกประการ

และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย อีกทั้งยังมีสิทธิในการต่อสู้และพิสูจน์ถึงความไม่ชอบของแนวเขตที่ดินที่ รฟท. กล่าวอ้าง

“หากนายภูมิธรรม เวชยชัย อธิบดีกรมที่ดิน และหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการเพิกถอนโฉนดโดยยึดถือแผนที่หรือข้อมูลเท็จของ รฟท. เพื่อสนองนโยบายทางการเมือง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง ราษฎรทุกรายผู้ได้รับผลกระทบจะยืนหยัดปกป้องสิทธิของตนอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะฟ้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครองและเรียกค่าเสียหาย หรือดำเนินคดีอาญาฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เบิกความเท็จ ปลอมแปลงเอกสารราชการ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้กระทำต้องรับผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด” นายชนินทร์ กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า การเพิกถอนต้องชอบด้วยกฎหมายและมีคนบิดเบือนว่าคำพิพากษาศาลฎีกาสามารถบังคับใช้ได้ทันที แต่คำพิพากษาของศาลไม่มีผลบังคับถึงบุคคลภายนอก

ดังนั้นกรมที่ดินจึงไม่อาจเพิกถอนเอกสารสิทธิของราษฎรที่ไม่ใช่คู่ความในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาได้ การที่ดำเนินการเพิกถอนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้กระทำต้องรับผล อีกทั้งสิ่งที่นายภูมิธรรมดำเนินการในวันนั้นไม่สามารถทำได้ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

แหล่งข่าวด้านกฎหมาย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับสถานะของที่ดินรฟท.ที่เป็นข้อถกเถียงในสังคม โดยเฉพาะคำถามที่ว่าที่ดินดังกล่าวเป็น ที่ดินหลวงโดยชอบธรรมหรือไม่

ซึ่งการกล่าวอ้างต้องมีหลักฐานและขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่การประกาศเพียงฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 36 กำหนดไว้ว่า การที่รัฐจะเวนคืนหรือได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใดๆ รัฐต้องมีกฎหมายให้อำนาจรฟท.

ขณะเดียวกันการได้มาซึ่งที่ดินของ รฟท. ไม่ได้เป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่สืบเนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินจากกรมรถไฟแผ่นดิน ที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5-รัชกาลที่ 7 ซึ่งการโอนนี้รวมถึงสิทธิ หน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย

ส่วนสาเหตุที่รฟท.ได้ที่ดินบริเวณดังกล่าวมานั้นมาจากกฎหมายสำคัญที่กำหนดการได้มาซึ่งที่ดินรฟท.คือ พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ. 2464 ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า ที่ดินที่การรถไฟจะได้มานั้นต้องได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการคมนาคมหรือ “การเดินรถ” เท่านั้น

อย่างไรก็ดีการได้มาซึ่งที่ดินของทางรถไฟสายโคราช-อุบลราชธานี นี้ ซึ่งครอบคลุม 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงโคราช-ท่าช้าง, ช่วงท่าช้าง-บุรีรัมย์-สุรินทร์ และช่วงสุรินทร์-อุบลราชธานี

ซึ่งตามกฎหมายจะต้องกำหนดแนวเขตแล้วเสร็จก่อน จึงจะขอออกพระราชกฤษฎีกาจัดซื้ออีก 1 ฉบับ เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ จากนั้นจะขอออกประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป

สำหรับกระบวนการได้มาซึ่งที่ดินของทางรถไฟสายโคราช-อุบลราชธานี ดังนี้

1. การออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตในปี พ.ศ. 2462 มีการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดเขตทางรถไฟ และให้สิทธิ์เจ้าหน้าที่ในขณะนั้น (พระยาต่างๆ) ในการสำรวจที่ดิน โดยพระราชกฤษฎีกานี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 2 ปี

2. การขยายระยะเวลา เนื่องจากเส้นทางมีความยาวมาก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในเวลาที่กำหนด จึงมีการขอพระราชทานขยายระยะเวลาการสำรวจออกไปอีก 2 ปี ในปี พ.ศ. 2464 ทำให้กำหนดเวลาสิ้นสุดถูกขยับจาก พ.ศ. 2464 ไปเป็น พ.ศ. 2466

3.การจัดซื้อที่ดิน เมื่อได้แนวเขตที่แน่นอนแล้ว จึงมีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินเพื่อได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ โดยมีการจัดซื้อรวม 3 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2463- พ.ศ. 2465

“ต่อมากลับพบว่ามีการยกเลิกแนวเขตที่หวงกั้นไว้ตามพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ หลังจากที่มีการจัดซื้อที่ดินแล้ว ซึ่งในหลวงในรัชสมัยนั้นท่าน เห็นแล้วว่าต้องปลดแนวเขตที่หวงกั้นให้ประชาชนไว้เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ดังเดิมนี่คือกฎหมายที่รฟท.ไม่เคยพูด” แหล่งข่าวด้านกฎหมาย กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ทรัมป์เดินเกมหนัก โจมตีพลังงานลม-แสงอาทิตย์ กระทบโครงการทั่วสหรัฐฯ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาษีนำเข้าชิป 100% ของทรัมป์ จุดกระแสบิ๊กเทคเร่งลงทุนในสหรัฐ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดแล้ววันนี้! จูราสสิค เวิลด์ เอเชียทีค จุดขายใหม่ท่องเที่ยวไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รัฐบาลจัดเต็ม เยียวยาภาษีสหรัฐฯ งัด 4 มาตรการใหญ่ กว่า 2.2 แสนล้าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม