“พรรคประชาชน - ภูมิใจไทย” โวย รัฐบาล ชิงปิดประชุมสภา ไม่ฟังข้อเรียกร้องประชาชน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านประกอบด้วยพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีรัฐบาลชิงปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่เปิดโอกาสให้พิจารณาญัตติสำคัญเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543-2544 ของประเทศไทย-กัมพูชา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง และสะท้อนถึงการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้มีการพูดคุยกันไว้ การปิดสภาเช่นนี้เป็นการบั่นทอนความหวังของประชาชนที่เฝ้ารอให้สภาเป็นพื้นที่ในการหาทางออกต่อปัญหาของชาติ โดยเฉพาะในประเด็น MOU ไทย-กัมพูชา ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจ แต่กลับถูกปิดกั้นไม่ให้มีการอภิปราย ทั้งที่สภาควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดในการหาทางออกร่วมกัน
เราจึงไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากกรณีที่รัฐบาลขาดเสถียรภาพ มีเสียงปริ่มน้ำ และไม่สามารถหาทางออกให้กับประชาชนได้เกิดขึ้นอีก เพราะพวกเราทราบดีว่าผลสำรวจความเห็นของนิด้าโพลล่าสุดสะท้อนว่าประชาชนเริ่มขาดความเชื่อมั่นและขาดความหวังต่อการทำหน้าที่ของนักการเมือง เราจึงต้องแสดงออกเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐสภา
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ญัตติที่เกี่ยวข้องกับ MOU ไทย-กัมพูชา ถูกบรรจุเป็นเรื่องด่วนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังพรรคภูมิใจไทยเข้าชื่อเสนอ และได้มีการประสานกับฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในวันนี้ โดยฝ่ายค้านได้เตรียมรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญไว้เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านได้ยอมทุกข้อเสนอจากฝั่งรัฐบาล เพื่อให้เรื่องนี้ได้มีการดำเนินการต่อ และมีทางออกให้กับประเทศไทย แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็น จึงขอฝากข้อความไปยังรัฐบาลว่า วันนี้ความจริงเริ่มเผยออกมาแล้วว่า “ไม่ว่าท่านจะพยายามใช้อำนาจในทางใดก็ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่กำลังออกมาในเวลานี้ได้” เพราะเราพร้อมที่นำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่แล้ว
นายไชยชนก กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนร่วมมือกันไว้และอดทนอย่าเพิ่งยอมแพ้ เพราะพวกเราทุกคนไม่ต้องการที่จะเห็นการรัฐประหารหากเป็นไปได้ แม้กระทั่งกองทัพที่เรารักและเชื่อมั่นเองก็ไม่อยากให้เกิดรัฐประหาร วันนี้ตนคิดว่าเรายังสู้ได้และสู้ไหว ซึ่งพวกเรายังพยายามที่จะสู้ต่อไปในกระบวนการและระบบที่มีอยู่ แต่หากไม่ไหวจริงๆ ก็เป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่ 1 แจ้งว่า ได้รับการประสานจากวิปทั้งสองฝ่ายโดยระบุว่า ได้รับการประสานจากวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลมาก่อนนั้น ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการประสานปิดการประชุมมา และไม่รู้ล่วงหน้าเลย จึงขอให้ไปสอบถามรองประธานสภาฯคนที่ 1 อีกครั้ง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่พี่น้องประชาชนรอคอย
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราถูกหักหลัง แต่ครั้งนี้สำคัญที่สุด เพราะมีประชาชนชุมนุมรออยู่หน้าสภา และต้องการให้ผู้แทนของพวกเขาได้แสดงความคิดเห็นในเวทีที่ถูกต้อง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าวทิ้งท้าย