ร่ำไห้ “ดิว อริสรา” รับเลิกสามีแล้ว ลั่นกลับไทยลุยใช้หนี้

เปิดใจ "ดิว อริสรา" กลับไทยลุยใช้หนี้ น้อมรับทุกโอกาส ยัน 20 ไม่ใช่ 60 ล้าน เคลียร์บางส่วนแล้ว เผยสู้เพื่อลูก แยกกันอยู่กับสามี วอนหยุดปล่อยเฟคนิวส์ เผยมีพี่ชายคนหนึ่งช่วยไกล่เกลี่ย ขอบคุณจากใจ

เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ใหญ่ที่หลายคนรอบทสรุปสำหรับสาว "ดิว อริสรา" จากกรณีที่ยืมของจากไฮโซสาว "เมย์ วาสนา" มูลค่ารวมกว่า 60 ล้ารบาทแต่ไม่ยอมคืน ซึ่ง "ดิว" ได้ออกมายอมรับผิดในภายหลังและได้พยายามหาเงินใช้หนี้ตั้งแต่ของแบรนด์เนมสุดรัก ต้องเซ้งร้านทำเล็บ ไปจนถึงขายเบอร์โทรศัพท์เลขมงคล ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวได้กลับไทยเพื่อลุยใช้หนี้เต็มที่และเคลียร์เรื่องคดีความต่าง ๆ จึงถือโอกาสให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า

"งานตรงไหนที่ทำได้ ถนัดก็รับเต็มที่ วันนั้นที่ไลฟ์ 1 ทุ่มถึงตี 1 ทำเต็มที่แต่ต้องดูว่าถนัดหรือไม่ถนัด วันนั้นก็โดนเตือน รับงานอยู่ ไม่ได้เลทอกงาน ในความเป็นจริงไม่ได้เลือกมากตั้งแต่แรก ทำทุกอย่าง เล่นละคร ออกรายการ ใครสนใจติดต่อได้

มีโอกาสเยอะมาก ขอบคุณทุกคนที่ติดต่อเข้ามา ไม่ได้คิดว่าจะได้รับขนาดนั้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการไลฟ์ ตอนนั้นไม่ได้อยู่ไทย ส่งของยาก ไม่ได้ง่าย ถ้าอยู่ไทยมันจะง่าย

ตนยังได้รับโอกาส ขอบคุณททุกโอกาสจากทุกคน เป็นหัวใจที่ยังมีให้กัน มีกำลังใจ ในชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แล้ว ตนไม่ได้กลัวกับการเริ่มต้นใหม่ เพราะไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เริ่มจากติดลบ จนขึ้นหรืออาจลงมา ไม่ได้กลัวที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ ทุกโอกาส น้ำใจ รอยยิ้ม ทำให้มีความมั่นใจในการอยู่ไทย

สารภาพเลยว่าก่อนกลับกลัวมาก กลัวคน อยู่ไต้หวันก็กลัวคนไทย เป็นความรู้สึกที่กลัว แต่พอลองสัมผัส วันแรกไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ให้เจอคนว่าใจรับไหวไหม แต่ฟีดแบคทำให้ตนหลงลืมไปว่าคนไทยน่ารัก ให้โอกาส มีน้ำใจ พลังที่ได้จากคนรอบข้างทุกคน ช่างหน้สช่างผม นักข่าว ตนก็กลัวแต่ไม่ใช่สายตาแบบนั้น ก็อุ่นใจขึ้น อยากอยู่ไทย

ตนเจอทุกอย่างถาโถมในเวลาเดียวกัน แต่สัมผัสที่ตรงข้ามกับความกลัวทำให้อุ่นใจว่าไทยก็คือบ้าน

สิ่งที่ทำให้เสียใจมากที่สุดคือตัวเราเอง ที่ทำผิดทุกอย่าง ไม่ได้โทษใคร ไม่เสียใจกับคำกล่าวโทษของใคร แต่เสียใจที่เมื่อไหร่จะมีคำว่าบทเรียนที่จบสักที
ไม่อยากพลาดอีกแล้ว เบื่อที่มีแต่เรื่อง เชื่อว่าคนไม่รักก็เบื่อที่ตนเป็นแบบนี้ สิ่งที่เสียใจที่สุดคือเมื่อไหร่ตนจะเป็นคนที่ไม่ผิดพลาดกับเรื่องแบบนี้สักที

ตนเข้าใจว่าคนที่ให้กำลังใจบอกว่าคนเราผิดพลาดกันได้เสมอ แต่คิดว่าสำหรับตนควรพอได้แล้ว ควรเข็ด

ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ใช้ชีวิตมีสติ อยู่บนโลกความเป็นจริง แก้ที่ตัวเอง ไม่ต้องห่วงว่าจะแก้ไม่ได้ เพราะตนเคยขึ้นสุดลงสุดแล้ว วันนี้ตนไม่ห่วงว่าจะแก้ยังไง รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ปลงขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นในหบาย ๆ เรื่อง

ตนไม่ได้คิดอะไรเลยว่าทำไมต้องออกมาพูด เพราะการที่ทำงานคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องตอบแทนเพราะเขาอยู่กับตนมาโดยตลอด เจอนักข่าวเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ต้องตัดสินใจเยอะ

ตนไม่เกร็งที่ต้องให้สัมภาษณ์ แต่เกร็งกับสายตาที่ทุกคนมองว่ายังรักเหมือนเดิมไหมมากกว่า

เรื่องการเคลียร์หนี้ต่าง ๆ ทางด้าน "ทนายเอี้ยง" เผยว่า "ในฐานะที่รับผิดชอบตั้งแต่ต้น เห็นความตั้งใจของ "ดิว" เลยทำต่อ ตั้งแต่เมื่อวานที่ศาลแขวงปทุมวัน ได้มีการนัดหมายเคลียร์ยอดครึ่งนึงให้กับเจ้าของร้านแบรนด์เนมมันนี่ มีข้อตกลงกันว่าจะมีการบันทึกทางแพ่ง จะมีการถอนฟ้อง คาดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้น่าจะเสร็จ

ในส่วนของกระเป๋า 2 ใบ เจรจาเบื้อต้นได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่กองปราบและฝั่งผู้เสียหายว่ายุติตามที่เสนอและที่ได้พูดคุยกัน หลังจากนี้จะส่งเพื่อทำบันทึก คาดจบเร็ว ๆ นี้ยังไม่แน่ใจ จะนัดทุกฝ่ายเพื่อส่งมอบกระเป๋าและสร้อยบูลการี่ให้ "เมย์" น่าจะจบทุกอย่าง

เรื่องการถอนฟ้อง "เมย์" มีเจตนาตั้งแต่ต้นแล้วว่าถ้า "ดิว" เคลียร์ทุกอย่างจบ ทาง "เมย์" เข้าใจและเห็นใจ ว่ายอดเยอะให้เวลา ถ้าทุกอย่างจบก็พร้อมถอนฟ้อง"

ในส่วนนี้ "ดิว" ได้พูดเสริมว่า "ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าทะเลาะกัน แต่ขอบอกว่า "เมย์" เป็นพี่ที่น่ารักมาตลอด ข้างนอกจะมองยังไงเราคุยกัน "เมย์" พร้อมจบ เป็นคนดี น่ารักกับตน เรื่องถอนฟ้องเขาบอกว่าสักทีเถอะ"

ทางด้าน "ทนายเอี้ยง" กล่าวต่อว่า "ส่วนสร้อยเนื่องจากยอดเยอะ "เมย์" มีน้ำใจช่วยครึ่งนึง แต่ "ดิว" ก็ต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ ใช้หนี้ต่อไป ทุกอย่างจะได้จบ "เมย์" จะได้รับสร้อยจากร้านแบรนด์เนมมันนี่"

ซึ่ง "ดิว" ได้พูดเสริมขอบคุณถึงพี่ชายคนหนึ่งว่า "ต้องขอขอบคุณพี่ชายใจดีด้วย ไม่รู้ว่าปรงสงค์ออกนามไหม ใครเดาได้ก็อยากให้รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่ประสงค์ดี เรื่องนี้จบได้เพราะเขา "เมย์" จะไม่มั่นใจถ้าไม่มีเขาคนนี้ มันคือหลาย ๆ อย่าง ไม่รู้ว่าสะดวกให้พูดชื่อไหม เป็นพี่ชายที่น่ารักของตน ที่ไม่ใช่ "ไผ่" บอกไว้ก่อน ที่ตนพูดเพราะอยากให้รู้ว่าการเคลียร์ การกลับมามันไม่ใช่แค่ตน มันทั้งพี่ชายน้องชาย และหลายคนที่ยังรัก ตนเลยรักตัวเอง

พี่ชายคนนั้นโทรหาตนเอง แปลกมาก ตนไม่เคยโทรขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวคน บวกกับสถานการณ์ที่บีบรัดมาก ๆ อยู่เฉย ๆ ดีกว่า แต่แปลกที่พี่ชายคนนี้ทักมาเพื่อจะช่วย ตนเลยอยากพูดถึง อยากให้คนเดาให้ถูก ไปปรบมือว่สเขาคือฮีโร่ของตน

เขาไม่ได้ช่วยเรื่องเงินแต่ช่วยประสาน ไกล่เกลี่ย เรื่องเงินต้องของคุณแบรนด์ Deewa

ย้อนไปเรื่องเงิน ความจริงตนไม่ได้เอามา 60 ล้านบาท มันคือประมาณ 20 กว่าล้าน ข่าวออกไปเป็นมูลค่า มันไม่ใช่ความของใคร เป็นความผิดของตน จำโทษว่สเป็นการใช้เงินเกินตัวได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ตนทำธุรกิจหลายอย่างและมั่นใจมาก ลงทุนขาดทุนเยอะมาก สารภาพว่าธุรกิจไม่ได้เป็นตามเป้า แต่ธุรกิจครั้งแรกมีความมั่นใจ รู้สึกว่าทำได้

ที่ใช้เงินเกินตัวก็ต้องยอมรับ ชีวิตมีหลาย ๆ มุมที่อยากให้ทุกคนมองแล้วเข้าใจ ไม่อยากให้เข้าใจว่าเอาเงินคนอื่นมาซื้อแบรนด์หมด ไม่มีใครทำแบบนั้น กำลังพูดเรื่องตริง ล้มหลายเรื่องพร้อมกัน แล้วมีภาพบางอย่างที่ต้องประคองไว้ คือความยาก

จนวันนี้แอบดีใจว่าการเริ่มต้นใหม่ในแบบที่ไม่ต้องประคองภาพบางอย่างไว้อยู่ มันสบายตัวและใจ นี่คือความคิดของตน"

ในส่วนยอดของเงินที่ต้องทยอยคืน "ทนายเอี้ยง" เผยว่า "มันแนกหลายส่วน ก่อนหน้าสร้อยมรกตโลตัสมีการคืนไปก็ทำบันทึกจ้องตกลงผ่อนชำระส่วนนึง ยอดรวมประมาณ 20 ล้านก็ชำระไปส่วนนึงแล้ว"

ซึ่งประเด็นนี้ "ดิว" พูดเสริมว่า "บางส่วนพูดยากเพราะต้องคำนวณ เพราะในระหว่างทางจ่ายเรื่อย ๆ ที่หายไป ไม่ใช่หายไปโดยไม่จ่ายใครเลย แต่แค่รู้สึกว่าจะพูดว่าจ่ายแล้ว ตนไม่ได้มีพลังความมั่นใจขนาดนั้นแล้ว ทั้งนี้ยอดโดยรวมจริง ๆ คือ 20 ล้านไม่ใช่ 60 ล้าน มีเคลียร์ไปบางส่วนแล้ว

ไม่อยากพูดว่าจะจบเมื่อไหร่ เพราะเหมือนเป็นการให้ความหวัง แค่บอกว่าในทุกวันตนพยายามทำให้ดีที่สุด ให้จบอย่างเร็วที่สุด

พูดถึงลูก ๆ ก็มีความสุขดี ได้เจอตอนอยู่ต่างประเทศตลอด ส่วนสามีไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน

ต้องอยู่กับลูก ไม่งั้นคงไม่อยากอยู่แล้ว เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแต่ถ้าไม่มีพลังจากลูกคงท้อมาก ๆ การที่ทุกคนเห็นว่าตนไม่กลับไป เพราะถ้าอยู่ไทยตนรู้สึกไม่อยากอยู่แล้ว ตนขอเวลาตั้งหลักคือเติมพลังสิ่งที่รักที่สุดให้มีพลังที่ต้องอยู่ต่อ

ตอนนี้ไม่อยากให้ไปโจมตีสามีเก่า สุดท้ายเขาคือพ่อของลูกตน เขาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้ตนจะว้าเหว่เผชิญคนเดียว แต่ถ้าลูกมีความสุขตนบอมเสียสละทุกอย่าง'

การกลับมาครั้งนี้มีหมายจากกองปราบที่ต้องไปตามหมายเรียก "ทนายเอี้ยง" เผยว่า "เพิ่งทราบจากข่าวว่าจะมีการออกหมายเรียก ที่ประสานเบื้องต้นทาง "ดิว" ยังไม่ได้รับหมาย ตนพูดคุยกับเจ้าของสำนวนว่าสถานการณ์อยู่ประมาณไหน เมื่อวานก็เคลียร์ยังเหลือนิดเดียวน่าจะจบก่อนที่สำนวนจะไปไกลกว่านี้"

"ดิว" กล่าวต่อว่า "ข่าวที่ออกไปมีบอกนักข่าวบางคนที่สนิทว่ามันยังไม่ไปไกลขนาดนั้น พอข่าวออกไปบางอย่างก็กระทบตนมาก ต้องสู้ทั้งข้างหน้าและหลังบ้าน บางทีข่าวที่ออกก็ไม่ตรงความจริง จากลูกที่จะได้มางานศพพ่อของตน ก็ไม่ได้มา จากจะมาสองเหลือมาหนึ่ง อยากให้เห็นใจว่าตนเผชิญทุกทาง

ขอสื่อมวลชนทุกคนว่าอะไรก็ตามที่ทำหรือพูดออกไป ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องจริงกลัว ตนต้องรีบดักอธิบายว่าไม่ใช่นะ

ถ้าตนหนีตนม่ออกมาไลฟ์ขายของหรอก ข้อสองพอกำลังจะสู้พ่อก็เสีย มันทุกอย่าง เหมือนจังหวะไม่มีโอกาสให้ได้ออกมา ตนก็กลัวว่ากลับมาอาจจะไปจบ ไม่ใช่หนี แค่ตั้งหลักและพยายามทำลายความกลัวให้กล้ากลับมา เผชิญความเป็นจริงตลอด แก้ไขตลอด

สงสารเจ้าหนี้ได้ แต่ไม่ไช่ว่าตนไมทำอะไร ก็พยายามทำให้ดีที่สุด

ตนไม่ได้อ่านเลยแม้กระทั่งกำลังใจ หรือใครเพราะตนเศร้า คำพูดต่าง ๆ ไม่เคยอ่านตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วยนิสัย ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ต้องทำหน้าที่แม่มันไปต่อไม่ได้ ไม่ใข่ไม่อยากรับ แต่ละวันที่อยู่ต่อหน้าลูกมันทำหน้าที่แม่ที่มีความสุขลำบาก"

ลือว่ามีนักร้องเป็นเจ้าหนี้คนใหม่ "ทนายเอี้ยง" เผยว่า "เพิ่งทราบ ขอรวบรวมข้อเท็จจริง ประสานคุยอยู่ อาจจะแจ้งอีกที ยังไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่ตามข่าว มันมีอะไรมากกว่านี้ จะคุยอีกที่ว่าที่มาที่ไปเป็นยังไง อยู่ระหว่างรวบรวม"

พอเกิดเรื่องขึ้นทั้งหมด "ดิว" เปิดใจว่า "คงไม่กลับมาเป็นคนเดิม เพราะวันนี้ยังไม่มีพลังความมั่นใจขนาดนั้น แต่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็น "ดิว อริสรา" ที่ดีกว่าเดิม คนที่รักจะรักในแบบที่เป็น ตนเติบโตจากพฤติกรรมไม่ใช่แค่อายุ คนที่ให้กำลังซัปพอร์ตอยู่ตรงนั้น ตนไม่อยากทำให้ผิดหวัง

ใครที่ให้โอกาสตนรับแน่นอน ถ้ายังเหลือพื้นไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่ตนก็ยืนเพราะไม่เคยไปไหน พอกลับมาที่นี่คือบ้านตน อยากอยู่ไทย ถ้าทุกอย่างคลี่คลายความสบายใจก็มากขึ้น ยังไงไทยก็คือบ้าน

ในส่วนของ "เมย์" น่ารักมาก ๆ มีโอกาสก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว โทรไปเขารับ ก็คุยกัน มีอะไรเขาก็โทรมา ไม่ได้เป็นตามที่ใครพูด "เมย์" ส่งข้อความมาว่สดีใจ สู้ ๆ นะน้อง มันกำลังจะผ่านไปแล้ว เขาน่ารัก ตนยังแอบงงว่าทำไมคนพูดถึงอย่างนั้น

จริง ๆ บางอย่างถูกถ่ายทอดจากคนที่ไม่ใช่คนคนนั้นหรือผ่านกันไปมันก็เปลี่ยน "เมย์" น่ารัก เขาให้กำลังใจ เริ่มต้นใหม่ ทำมาหากินกัน อยากพูดให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้

บทเรียนครั้งนี้สอนเยอะเลย เห็นตัวเองว่าเป็นยังไง เห็นว่าใครเป็นยังไง เห็นทุกอย่าง ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน บางสิ่งที่มองข้ามคนคนนั้นเป็นพลังให้ การกลับมาเจอช่างหน้า ช่างผม ทำให้รู้สึกอยากอยู่ไทย เป็นกำลังใจ

วันนี้ได้กลับมาความกลัวลดลงเยอะ อยากอยู่ไทยขึ้น ไม่อยากไปไหนแล้ว ผิดพลาดพร้อมปรับปรุง เมื่อวานไปเดินบรรทัดทอง มีคนเข้ามากอด ถ่ายรูป ให้กำลังใจ บางคนให้น้ำกินฟรี พอได้รับพลัง ทำให้เห็นว่าคนไทยคือคนไทย พอโดนอะไรหนัก ๆ ทำให้ลืมว่าคนไทยเป็นคนยังไง ทำให้กลัวไปหมด

แต่วันนี้ได้รับความรู้สึกนัเนก็ทำให้ใจฟูขึ้น กล้าอยู่ขึ้น กล้าทำอะไรขึ้น อยากขอบตุณทุกคนที่ยังอยู่ในชีวิต ขอบคุณ "ทนายเอี้ยง" ที่ไม่เคยทอดทิ้ง ทำให้ด้วยใจ ขอบตุณปู้ใหญ่ พี่ ๆ ทุกคน ไม่รู้สะดวกให้พูดถึงไหม เขื่อว่ารู้ว่าหมายถึงพวกเขา ขอบคุณแฟนคลับ ช่างหน้าช่างผม นักข่าว ไม่รู้ว่าจะขอบคุณใคร ขอบคุณครอบครัว และขอบคุณครอบตรัวสามีเก่าที่ยังให้ได้เจอลูก ขอขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจมาก ๆ"

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews