ประวัติ โชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าฯ สงขลา พร้อมย้อนดูฝีมือเก่า บริหารจังหวัดยังไงให้โต
ประวัติ โชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการสงขลา อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปัจจุบัน อายุ 57 ปี เคยนั่งเก้าอี้รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนักวิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงาน สศช. โดยก่อนมาเป็นพ่อเมืองสงขลา เจ้าตัวเคยปฏิบัติหน้าที่ดูแลชาวบ้านที่ชุมพรมาก่อน
สำหรับ นายโชตินรินทร์ เกิดสมเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2511 เป็นชาวอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้านครอบครัวสมรสกับ ปิยาภรณ์ เกิดสม มีบุตรธิดา 2 คน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และระดับปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
นายโชตินรินทร์ เริ่มต้นรับราชการในตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองโครงการเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนจะโอนย้ายมารับราชการที่กระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต จากนั้นจึงได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับ เช่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ได้ขยับมาดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
ต่อมาในวันที่ 1 ต.ค. 2567 นายโชตินรินทร์ได้รับคำสั่งจาก นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ไปรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
ต่อมา8 ตุลาคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายโชตินรินทร์พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ต่อจากนายสมนึก พรหมเขียว
นายโชตินรินทร์ ยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกองเอก สังกัดกองอาสารักษาดินแดน ตั้งแต่ปี 2532 ถึงปัจจุบัน โดยบังคับบัญชากองอาสารักษาดินแดน 2 พื้นที่ ได้แก่ กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา และกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน บทสัมภาษณ์ชี้แจงบางตอน กรณีเกิดประเด็นซึ่งสังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่ามีการออกเอกสารราชการต้อนรับนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย พ่อเมืองสงขลา ยืนยันแล้วว่า ไม่ใช่หนังสือจริงที่ตนเองลงลายเซ็นแน่นอน
ขณะที่ประเด็นขัดแย้งกับใครในจังหวัดสงขลาหรือไม่ ผู้ว่าฯ คนปัจจุบันเคลียร์ชัดว่า ตนเพิ่งมารับหน้าที่ผู้ว่าฯ จังหวัดสงขลาเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีกรณีไปผิดข้องหมองใจหรือขัดแข้งขาใคร 100 เปอร์เซนต์
ย้อนดูคำเปิดใจ ก่อนเข้ารับตำแหน่งพ่อเมืองสงขลา อดีตปั้นชุมพรจนสินค้าราคาดี ตลาดงาม
อ้างอิงรายงานจากอิศรา นายโชตินรินทร์ ผู้ว่าฯ สงขลาคนปัจจุบัน เคยบอกเล่าถึงแนวทางบริหารงานในจังหวัดชุมพรก่อนหน้านี้ มีวิธีดำเนินงานและพัฒนาจังหวัดพื้นที่ซึ่งตัวเองรับผิดชอบอย่างไร ?
นายโชตินรินทร์ระบุว่า ในช่วงที่ปี 64-65 ตนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในภาคใต้ อยู่ที่ประมาณ 2.7 แสนต่อหัวต่อปี ช่วงนั้นเป็นปีที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้ของจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะจังหวัดพังงา กระบี่ ภูเก็ต ไม่มีนักท่องเที่ยว ก็ทำให้เราเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่อปีสูงที่สุด
ขณะที่ภาคการเกษตรในพื้นที่สำคัญของชุมพร มีไม้ผล ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ จะเห็นว่าพืชหลักของชุมพรมี 4 ตัว และมีรายได้สูงทั้งหมดเลย แต่สิ่งที่เราขับเคลื่อนให้ จ.ชุมพรดำเนินการก็คือ “1 ลด 2 เพิ่ม”
1 ลดคือลดการใช้สารเคมีทั้งหมดที่เกี่ยวกับภาคการเกษตร, 2 เพิ่มก็คือให้พี่น้องประชาชนเพิ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น และก็เพิ่มในเรื่องของพื้นที่ปลอดภัยของสินค้าเกษตร ก็คือ “1 ครัวเรือน 1 เกษตรกร”ที่มีแปลงเกษตรที่เป็นเกษตรปลอดภัย คือเกษตรปลอดสารพิษ อันนี้เป็นตัวอย่าง
นายโชตินรินทร์ กล่าวว่าจากการดำเนินการสมัยนั่นยังทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าเกษตร จากที่ขายเป็นสินค้าทั่วไปก็จะการเป็นการขายสินค้าที่มีอัตลักษณ์ และเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะว่าเราผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นและมีความปลอดภัยสูง
โดยเฉพาะกาแฟที่ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงใน จ.ชุมพร แต่ว่ารายได้จากการขายกาแฟ แค่ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ทุเรียนที่คนแทบจะไม่รู้จักเลยว่ามีใน จ.ชุมพร กลับสร้างรายได้ปีหนึ่งประมาณ 56,000 ล้านบาท ซึ่งต่างกันมาก แต่ทุเรียนทั้งหมดเป็นการส่งขายต่างประเทศถึง 99 เปอร์เซ็นต์
อดีตเจอป้ายต่อต้าน ตั้งแต่ยังไม่มาเป็นผู้ว่าฯ สงขลา
ครั้งหนึ่งก่อนที่จะมาทำหน้าที่ก็ได้เกิดกรณีเรื่องป้ายผ้าที่มีข้อความโจมตีนายโชตินรินทร์ ในพื้นที่สงขลา ซึ่งเจ้าตัวก็ชี้แจงประเด็นนี้ที่มีรายงานตั้งแค่ปี 67 ว่า ตนไม่ทราบว่ากลุ่มที่ทำแบบนี้ต้องการอะไร
แต่ จ.สงขลา นายโชตินรินทร์ระบุ ก่อนมารับตำแหน่งว่าเขาไม่เคยอยู่ ไม่เคยทำงาน การกระทำด้วยการแขวนป้ายผ้าโจมตีจึงมองว่าเป็นการกระทำของคนที่ไม่รู้เรื่องในการพัฒนาบ้านเมืองให้รุ่งเรืองเสียมากกว่า
จากข้อมูลข้างต้นก็พอทำให้มั่นใจได้ว่า อย่างน้อยๆ ผู้ว่าฯ สงขลาคนปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นไม้อ่อนให้ใครมาสั่นคลอนระบบงานราชการได้ง่ายๆ ด้วย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม