THGมั่นใจเพิ่มทุน2.5พันล. มองครึ่งปีหลังผลงานฟื้น
#THG #ทันหุ้น – THG เชื่อแผนเพิ่มทุน 2.5 พันล้านบาท ที่ 5 บาทต่อหุ้นเริ่มใส่เงิน 17 ก.ย.นี้ ผู้ถือหุ้นเดิมจะใช้สิทธิ์เกิน 85% เพราะราคาขายดึงดูด เผยนำเงินราว 2 พันล้านบาทไปชำระหนี้ เพิ่มแกร่งสถานะการเงิน พร้อมมองภาพธุรกิจโรงพยาบาลครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก แต่ยอมรับเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1 หมื่นล้านบาทยังท้าทาย
นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า จากกรณีที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 อนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวนไม่เกิน 511.18 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท อัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน (กรณีมีเศษหุ้นให้ปัดทิ้ง) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น คิดเป็น มูลค่า 2,555.93 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับการจัดสรร 29 สิงหาคม 2568 พร้อมกับกำหนดวันที่จองซื้อ และชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็น 17 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2568 นั้น
โดยส่วนตัวมีความมั่นใจค่อนข้างสูงว่าผู้ถือหุ้นน่าจะใช้สิทธิ์เกิน 85% ในการเพิ่มทุน โดยรวมถึงน่าจะมีผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งจองเกินสิทธิ์ด้วย เนื่องจากราคาที่เสนอขายค่อนข้างดึงดูดเมื่อเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน (ณ ปิดตลาดวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เท่ากับ 7.20 บาท) รวมไปถึงพื้นฐานกิจการบริษัทมีความแข็งแรงเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการยอมรับสูงจากผู้ใช้บริการมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง
@เสริมฐานะแกร่ง
กระแสเงินสดที่เข้ามาจะส่งผลดีทั้งแง่สภาพคล่อง ซึ่งบริษัทวางแผนจะนำเงินราว 2,000 ล้านบาท ที่กำลังจะได้จากการเพิ่มทุนไปชำระหนี้ผลดีนอกจากเป็นการลดภาระดอกเบี้ยส่วนหนึ่งแล้ว และเงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจากชำระหนี้ก็จะนำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนต่อไป
อนึ่ง นายภูมิพัฒน์ ยังเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การที่อัตราส่วนการเงินในแง่หนี้สินบริษัทดีขึ้น จะส่งผลต่อภาพเครดิตบริษัทที่จะดีขึ้นตามเป็นเงื่อนไขให้สถาบันการเงินกลับมาจะสนับสนุนวงเงินอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นวนาสินเดิม ปัจจุบันยังมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 8% แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงิน และสถานภาพส่วนบุคคลคาดว่าโอกาสจะเข้ามาใช้สิทธิเพิ่มทุนถือว่ายาก และสัดส่วนหุ้นน่าจะไดลูทลงอัตโนมัติหลังเพิ่มทุน
@มองภาพครึ่งปีหลัง
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดการณ์น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลหลังจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 อุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนยังอยู่ในภาวะปรับตัวเชิงโครงสร้าง ท่ามกลางบริบทที่ผสมผสานทั้งปัจจัยสนับสนุนและความท้าทายด้านบวก เช่น การกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติบางกลุ่ม และการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพบริการ ขณะที่ด้านลบยังมีแรงกดดันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ความเข้มงวดของระบบประกันสุขภาพ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค
โดยโรงพยาบาลที่สามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน คือ กลุ่มที่มีโครงสร้างลูกค้าที่หลากหลาย ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับบริการให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะด้าน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้รับบริการ นอกจากนี้บริการด้านสุขภาพเชิงป้องกันยังเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในระยะยาว ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการให้บริการในรูปแบบครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการด้านสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท ยอมรับว่ามีความท้าทาย โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 4,591.30 ล้านบาท ขณะที่การเจรจาขายที่ดินเกาะสมุยกว่า 200 ไร่ ประเมินมูลค่า 2,000 ล้านบาท จากเดิมคาดบรรลุข้อตกลงภายในปีนี้ อาจล่าช้ากว่าเคยคาดหวังไว้