"ชูวิทย์" สับแรง พรรคประชาชน ลั่นเนื้อไม่ได้กิน เอากระดูกแขวนคอ
ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของการเมืองไทย สำหรับชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปมการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ระหว่าง พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย โดยชูวิทย์ชี้ว่า พรรคประชาชนเกิดภาวะ “เสียงแตก” ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย เพราะเป็นพรรคที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ มีความคิดอิสระ ไม่เดินตามการเมืองแบบเดิม ๆ เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจพายเรือโหวตให้นายอนุทินขึ้นเป็นนายกฯ จึงไม่อาจทำได้ง่ายเหมือนพรรคเก่าที่สามารถสั่งการแบบซ้ายหันขวาหันได้ทันที
วงในของพรรคประชาชนบอกว่า ทำใจไม่ได้กับการโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ยิ่งเห็นอนุทินจับมือกับแต่ละคนบนเวที ให้เป็นรัฐมนตรีเสวยอำนาจ .พรรคประชาชนจะบอกว่า “ไม่เกี่ยว“ เพราะเป็นฝ่ายค้านคงไม่ได้ ที่สำคัญ ส.ส. แต่ละคนของพรรค จะไปตอบประชาชนยังไง? ในเมื่อเพิ่งด่าว่าไร้ฝีมือ มีการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับไปโหวตให้หน้าตาเฉย คาดได้ว่าคะแนนครั้งหน้าคงลงคลอง เพราะเป็นเสมือนการ “ตีเช็คเปล่า เซ็นชื่อแล้วให้อนุทินเป็นนายกฯ กรอกตัวเลข”
ถึงเวลาอนุทินจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีชุดใหม่ เห็นหน้าแต่ละคนแล้วก็หนาวสะท้านไปถึงทรวงอก อนุทินต้องตอบแทนบุญคุณทางการเมือง ให้ “พรรคกล้าหัก“ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
พรรคประชาชนจึงต้องรับผิดชอบไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่พ้น เพราะเป็นคนโหวตให้เองกับมือ พรรคประชาชนจะโหวตให้ใคร เป็นเรื่องของพรรค แต่คนที่เลือกพรรคอย่างผม ก็มีสิทธิวิจารณ์ เพราะไปเลือกมา จุดยืนเป็นฝ่ายค้านมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ใครจะจัดรัฐบาลไม่ใช่เรื่องของพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้าน เพราะตัวเองไม่ได้เข้าร่วม นี่เป็นระบอบประชาธิปไตยสากลทั่วโลก
มันไม่มีที่ไหน โหวตให้ แต่ตัวเองขอเป็นฝ่ายค้านต่อไป แล้วรอ 4 เดือนให้ยุบสภา หากไม่ยุบจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำไปทำไมไม่ทราบ?หากมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าเงื่อนไขต่างๆ ที่ตั้งไว้ทำไม่ได้ขึ้นมา หรือบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดินก่อเรื่องขึ้น
- พรรคประชาชนจะกลายเป็นผู้รับผิดชอบทันที ในฐานะเป็นนั่งร้านให้อย่าไปทำการเมืองแบบนี้เขาเรียกว่า “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกไปแขวนคอ”
ด้านฝั่งของพรรคประชาชน ในวันที่ 1 ก.ย.68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมนัดพิเศษของ สส.พรรคประชาชน เพื่อหารือกันในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ว่า แล้วแต่ที่ประชุมกันในวันนี้ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนอภิปรายให้ความเห็นกันในที่ประชุมมากพอสมควร ส่วนจะต้องมีการลงมติหรือไม่นั้น อยู่ที่การหารือของที่ประชุม
เพราะหากเราสามารถหารือกันได้ และได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันก็อาจจะไม่จำเป็น แต่ตอนนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ ส่วนเงื่อนไขที่จะทำให้ไม่สามารถเคาะทิศทางโหวตได้ในวันนี้นั้น มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งความเสี่ยงของฉากทัศน์ต่าง ๆ ตนเองขอยังไม่ลงรายละเอียดในตอนนี้
เมื่อถามถึงกระแสผู้สนับสนุนพรรคที่อยากให้ยึดจุดยืน โดยไม่เลือกพรรคไหนเลยนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างควรพิจารณาทั้งหมด เมื่อถามต่อว่า คาดว่าจะมีการโหวตได้เมื่อไหร่ หรือจะมีการเซอร์ไพรส์ไม่โหวตเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองคงไปตอบแทนเพื่อน สส. รวมถึงองคาพยพของพรรคไม่ได้ เพราะในตอนนี้เป็นโอกาสที่ต้องหารือภายในกันให้รอบด้าน อาจให้คำตอบได้แค่ว่าจะพยายามหารือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด รอเย็นวันนี้ก่อน น่าจะได้ความคืบหน้า อีกทั้งเชื่อว่าทุกคนคงได้รับฟังเสียงสะท้อน ทั้งความคิดเห็นในออนไลน์ และออฟไลน์
เมื่อถามว่า นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้มีการติดต่อมาคุยหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้มาหารือพร้อมกับพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนเองโดยตรงยังไม่มี แต่กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายชัยเกษมนั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่องจากพรรคเพื่อไทย และยังไม่มีการทาบทามอย่างเป็นทางการนั้น เป็นสิ่งที่น่ากังวล เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกจะใช้เป็นข้อมูลในการประกอบตัดสินใจว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคนใดจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้มากกว่าตาม TOR การมีหลายช่องทาง หลายตัวเลือก และหลายความคิดเห็น เชื่อว่าการเปิดประชุมแบบนี้ จะเป็นช่องทางที่ทำให้พวกเราได้ข้อสรุปโดยเร็ว
นอกจากนี้ สำหรับกระแสข่าวที่พรรคประชาชนอยากฟังวิสัยทัศน์นายชัยเกษมนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองคิดว่าเป็นโอกาสอันดี เพราะตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ หากมีสื่อช่องใดพร้อมเป็นเจ้าภาพ ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไหนพร้อมขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ตนเองก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี ยืนยันว่าจะมีข้อยุติก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทั้งนี้ ในกระแสข่าวที่ว่าแกนนำพรรคมีธงในใจอยู่แล้วว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีธงในใจใด ๆ แต่ในฐานะผู้บริหารพรรคต้องมีการกำกับทิศทางของพรรคในระดับหนึ่ง การพูดคุยแรกเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายการตัดสินใจสำคัญ ๆ แบบนี้ว่าจะเดินไปในทั้งใด ต้องใช้องค์ประกอบในที่ประชุม สส.ในการตัดสินใจร่วมกัน
ขอบคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์