ดาวเทียม NISAR กางจานสะท้อนเรดาร์ขนาดยักษ์เสร็จสมบูรณ์บนอวกาศ

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดาวเทียม NISAR ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างนาซาและอินเดีย ได้กางจานสะท้อนเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 เมตรสำเร็จในวงโคจร นับเป็นก้าวสำคัญสู่การเริ่มภารกิจวิทยาศาสตร์โลก โดยเรดาร์ L-band และ S-band จะช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็ง แผ่นดิน และระบบนิเวศทั่วโลกอย่างละเอียด

วันที่ 15 สิงหาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) เพียง 17 วันหลังการปล่อยจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย ชิ้นส่วนสำคัญของฮาร์ดแวร์ทางวิทยาศาสตร์บนดาวเทียม NISAR ได้กางออกสำเร็จในวงโคจร นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภารกิจ NASA-ISRO Synthetic Aperture Radar (NISAR) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) และองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO)

จานสะท้อนบนดาวเทียม NISAR

จานสะท้อนเสาอากาศของดาวเทียม NISAR ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง12 เมตร ได้กางออกอย่างสมบูรณ์ในวงโคจรโลกต่ำ จานนี้เคยถูกเก็บไว้ในลักษณะคล้ายร่ม จนกระทั่งบูมยาว 9 เมตร ที่รองรับมันถูกกางออกและล็อกเข้าที่บนดาวเทียม

ฟิล บาเรลา ผู้จัดการโครงการ NISAR ที่ Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของ NASA ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งบริหารจัดการส่วนของภารกิจของสหรัฐฯ และจัดหาระบบเรดาร์หนึ่งในสองระบบบนดาวเทียม NISAR กล่าวว่า นี่คือ "จานสะท้อนเสาอากาศที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยติดตั้งสำหรับภารกิจของ NASA"

ความสำคัญของการติดตั้งจานสะท้อนเรดาร์

การติดตั้งจานสะท้อนเรดาร์นี้นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ของโลก โดยจานสะท้อนสัญญาณจะมีบทบาทสำคัญสำหรับระบบเรดาร์ทั้ง 2 ระบบ บนดาวเทียม NISAR ซึ่งประกอบด้วยระบบ L-band ที่สามารถมองทะลุเมฆและป่าทึบ และระบบ S-band ที่สามารถมองทะลุเมฆได้เช่นกัน แต่ไวต่อพืชพรรณที่เบาบางและความชื้นในหิมะ

กระบวนการกางจานสะท้อนเรดาร์

จานสะท้อนเรดาร์มีน้ำหนักประมาณ 64 กิโลกรัม มีโครงสร้างทรงกระบอกที่ประกอบด้วยเสาค้ำคอมโพสิต 123 ชิ้น และตาข่ายลวดเคลือบทอง ก่อนหน้านี้ในวันที่ 9 สิงหาคม ดาวเทียม NISAR ได้เริ่มกระบวนการกางจานสะท้อนเรดาร์ออกทีละข้อต่อ จนกระทั่งยื่นออกจนสุดในอีกประมาณ 4 วันต่อมา โดยตัวจานสะท้อนถูกติดตั้งอยู่ที่ปลายสุดของเสาสัญญาณบนดาวเทียม

หลังจากนั้นในวันที่ 15 สิงหาคม สลักเกลียวระเบิดขนาดเล็กที่ยึดชุดจานสะท้อนไว้ได้ถูกจุดระเบิด ทำให้เสาอากาศเริ่มต้นกระบวนการที่เรียกว่า "Bloom" ซึ่งเป็นการกางออกโดยการคลายแรงตึงที่เก็บไว้ในโครงสร้าง หรือลักษณะการทำงานคล้ายการกางร่ม

กระบวนการทำงานทั้งหมดใช้การผสานการทำงานเป็นทีมโดยเจ้าหน้าที่ JPL ของนาซาสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่องค์การอวกาศอินเดีย ISRO ในประเทศอินเดีย ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งจานสะท้อนเสาอากาศเรดาร์ของดาวเทียมสำเร็จ จานสะท้อนเรดาร์ได้กางออกใช้เวลา 37 นาที จากขนาด 0.6 เมตร กลายเป็นขนาด 12 เมตร

เป้าหมายของภารกิจดาวเทียม NISAR

ภารกิจดาวเทียม NISAR ส่งขึ้นสู่อวกาศโดยองค์การอวกาศอินเดีย ISRO เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม จากศูนย์ Satish Dhawan Space Centre บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย ภารกิจหลักประกอบด้วย

1. ติดตามการเคลื่อนที่ของแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง
2. การเปลี่ยนแปลงรูปของแผ่นดินเนื่องจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ และดินถล่ม
3. การเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศป่าไม้และพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยละเอียดถึงระดับเศษส่วนของนิ้ว
4. สแกนพื้นดินและผิวน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของโลกสองครั้งทุก 12 วัน

เทคโนโลยี Synthetic Aperture Radar (SAR)

เทคโนโลยี SAR ถูกออกแบบให้สามารถถ่ายภาพพื้นผิวโลกด้วยพิกเซลขนาดประมาณ 30 ฟุต หรือ 10 เมตร โดยมีจานสะท้อนนี้ถูกออกแบบให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณความยาวของรถโรงเรียน การใช้เทคนิค Synthetic Aperture Radar (SAR) โดยหลักการแล้วทำงานเหมือนเลนส์กล้องที่โฟกัสแสงเพื่อสร้างภาพที่คมชัด ขนาดของเลนส์ที่เรียกว่ารูรับแสงเป็นตัวกำหนดความคมชัดของภาพ

เทคโนโลยี SAR ทำให้ดาวเทียม NISAR สามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง และด้วยเทคนิคการแทรกสอดพิเศษที่เปรียบเทียบภาพเมื่อเวลาผ่านไป NISAR จะช่วยให้นักวิจัยและผู้ใช้ข้อมูลสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลกได้

ภารกิจ NISAR ความร่วมมือระหว่างนาซาและอินเดีย

ภารกิจ NISAR เป็นความร่วมมือระหว่าง JPL ในองค์การนาซาสหรัฐอเมริกา และองค์การอวกาศอินเดีย ISRO โดยทางฝั่ง JPL จัดหาระบบเรดาร์ L-band พร้อมอุปกรณ์หลัก เช่น จานสะท้อน บูม ระบบสื่อสารความเร็วสูง และเครื่องบันทึกข้อมูล ส่วนองค์การอวกาศอินเดีย ISRO จัดหาระบบเรดาร์ S-band และรถบัสอวกาศ พร้อมบริการปล่อยดาวเทียมจากศูนย์ Satish Dhawan

หลังจากการปล่อยขึ้นสู่อวกาศและกางจานสะท้อนเรดาร์ นาซาและอินเดียจะมีการตรวจสอบสัญญาณผ่านเครือข่ายสถานีภาคพื้นดินทั่วโลกของ ISRO ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเรดาร์อวกาศและพลังของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการค้นพบทางวิทยาศาสตร์

การกางจานสะท้อนและการเริ่มต้นทดสอบระบบถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ ข้อมูลที่ NISAR จะส่งกลับมาในอีกหลายปีข้างหน้าจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจโลกของเรามากขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเคลื่อนไหวของแผ่นดิน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงพลังของการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งโลกใบนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง