โฆษกทบ. ย้ำมีหลักฐานชัดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใกล้ปราสาทตาเมือมธม
โฆษกทบ. ย้ำมีหลักฐานชัดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใกล้ปราสาทตาเมือมธม ยันเป็นทุ่น PMN-2 ที่เพิ่งลักลอบติดตั้ง เรียกร้องกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง–อนุสัญญาออตตาวา
พลตรี วินธัย สุวา รี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณี พล.ท. มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงอ้างกัมพูชาไม่มีและไม่ใช่ทุ่นระเบิด ว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของฝ่ายไทย พบว่าทุ่นระเบิดในเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใกล้ปราสาทตาเมือนธมเป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบในหลายพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาลักลอบมาติดตั้งเพื่อทำร้ายกำลังพลไทยมาโดยตลอด
“ข้ออ้างของกัมพูชาว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีต เป็นเพียงการปฏิเสธที่ขาดน้ำหนัก เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในทุกจุดเกิดเหตุชี้ชัดว่า พื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดการเหยียบทุ่นระเบิดจะพบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 อีก 3–5 ลูก ในสภาพที่เพิ่งถูกติดตั้งใหม่อย่างชัดเจน ทั้งที่หากเป็นทุ่นเก่าจากสงครามในอดีต จะเป็นชนิดอื่น ไม่ใช่ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ”โฆษก ทบ.กล่าว
โฆษก ทบ.กล่าวอีกว่า ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้รับฟังข่าวสาร และเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ตามมติคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) กัมพูชา–ไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ข้อ 9 ซึ่งกำหนดให้งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม
นอกจากนี้ ขอให้กัมพูชาปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยุติการใช้อาวุธทุ่นระเบิดสังหารบุคคลต่อฝ่ายไทย ซึ่งไม่เพียงเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน
โดยกัมพูชายังคงมีทุ่นระเบิดอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และได้ลักลอบนำมาวางในพื้นที่ต่าง ๆ ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อมุ่งทำร้ายฝ่ายไทย ทั้งที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้ให้สัตยาบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 แต่กลับนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทัพบกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกติกาสากล