โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘ดีเอสไอ’ ไล่บี้ รฟท. ขีดเส้นตาย แจ้งความ ‘คดีเขากระโดง’

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

จากความคืบหน้ากรณีเขากระโดง ภายหลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย สั่งเพิกถอนที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กว่า 5,083 ไร่ โดยส่งเรื่องไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการรื้อถอนได้ตามกฎหมาย

ขณะเดียวกันพบว่าในจำนวนที่ดินกว่า 5,083 ไร่ดังกล่าวนั้น จำนวน 12 แปลง 288 ไร่เศษ เป็นของเครือข่ายธุรกิจ “ตระกูลชิดชอบ” ที่ปรากฏชื่อครอบครัวเข้าไปถือหุ้นอยู่

ส่งผลให้ทางพรรคภูมิใจไทยได้ส่งทนายความแถลงคัดค้านคำสั่ง มท.ที่ “สนามช้างฯ” พร้อมชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิหลายราย

โดยยืนยันว่าจะไม่ยอมย้ายออกจากที่ดินเป็นอันขาด เนื่องจากได้มาอย่างถูกต้อง

ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีนายภูมิธรรมในฐานะรองนายกฯ นั่งเป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้นำประเด็นที่ดินเขากระโดงมาสืบสวนในคดีฟอกเงินและเล็งจะดำเนินการยกเป็นคดีพิเศษ

โดยอ้างอิงพยานหลักฐานจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย พบมีผู้ถือครองที่ดินกว่า 995 แปลง รวม 5,083 ไร่ และมีประเด็น 12 หน่วยงานราชการที่มีที่ตั้งในพื้นที่พิพาทด้วย

อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะพนักงานสืบสวนในเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 ได้ประชุม เพื่อพิจารณากรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์

อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย การดำเนินการดังกล่าวสืบเนื่องจากมีผู้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คณะพนักงานสืบสวนได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานในเบื้องต้น ได้แก่ การสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง การรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน การประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย และจังหวัดบุรีรัมย์

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนดังกล่าว

จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2498 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีการแจ้ง ส.ค.1 เลขที่ 1180 เนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่

โดยการได้มาของที่ดิน ตามพระราชกฤษฏีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟ พ.ศ. 2464 เป็นการที่ทางรถไฟแสดงถึงการนำเอาที่ดินที่ได้มีการหวงห้ามเอาไว้ตาม พรฎ. 2464 มาแจ้ง ส.ค.1 เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อนวันที่ประมวลกฎมายที่ดินใช้บังคับ(1 ธันวาคม 2497) โดยไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน จึงได้ไปแจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์เพื่อเป็นพยานหลักฐาน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กันยายน จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์

อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 พร้อมให้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ

กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่บุรีรัมย์ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตนเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 14.00 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด

อย่างไรก็ดีในกรณีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯเป็นผู้เสียหายจึงประสานรฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย

และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...