ฝนมาก็ไม่ทันแล้วชัยภูมิแล้งหนักนาข้าวขาดน้ำตายเกลื่อนแล้วเกือบนับแสนไร่!
ชัยภูมิ – ชาวนาที่รับน้ำจากต้นกำเนิดแม่น้ำชี จ.ชัยภูมิ ที่จะไหลผ่านไปช่วยหล่อเลี้ยงชาวนาอีกทั่วภาคอีสานเตรียมรับผลกระทบขาดน้ำหนักตามอีกต่อเนื่อง –จี้รัฐบาลควรจริงจังที่จะมีนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วม ที่ชัดเจนเป็นยุทธศาสตร์หลักวาระแห่งชาติในการช่วยแก้ปัญหาชาวนาทั่วประเทศให้ได้อย่างยั่งยืนเป็นวาระเร่งด่วนของชาติโดยเร็วด้วย!
( 10 สิงหาคม 2568 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในฤดูการเพาะปลูกนาข้าวปีนี้ เจอสถานการณ์ภัยแล้งฝนทิ้งช่วงหนักแล้วในช่วงหน้าฝนปีนี้ หลังฝนไม่ตกทิ้งช่วงมานานตั้งแต่ช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา ที่ถือว่าในทุกปีเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัวของทุกปี ประชาชนชาวนาใน จ.ชัยภูมิ จะถือเป็นช่วงทำการเกษตรปลูกข้าวกันจำนวนมากในทุกพื้นที่ในทั้ง 16 อำเภอ ที่มีจำนวนมากในทุกปีมากกว่า 1 ล้านไร่
และในปีนี้ ชาวนาในพื้นที่หลายอำเภอ ต่างเร่งพากันปลูกข้าวรอฝนกันจำนวนมากนับหลายแสนไร่แล้วในขณะนี้ แต่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงหนักมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา และล่าสุดทางกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่าอีกในช่วงตั้งแต่วันนี้ 10 ส.ค. จ.ชัยภูมิ จะพอมีฝนตกลงมาในพื้นที่ยาวไปจนถึงวันศุกร์ที่ 15 ส.ค.68 เฉลี่ยสูงถึง 60-70% ของพื้นที่
แต่มีรายงานล่าสุดมีนาข้าวของประชาชนในพื้นที่ ประสบภัยแล้งขาดน้ำหนักสุดใน อ.เมืองชัยภูมิ เฉพาะที่ ต.โคกสูง เพียงตำบลเดียว มีนาข้าวขาดน้ำยืนต้นตายได้รับความเสียหายไปหมดแล้วรวมกว่า 15,000 ไร่ และในพื้นที่ อ.เทพสถิต,ภักดีชุมพล,หนองบัวแดง ก็มีนาข้าวขาดน้ำยืนต้นตายได้รับความเสียรวมอีกรวมไม่น้อยเป็นจำนวนมากอีกนับหลายหมื่นไร่ ซึ่งถึงแม้จะทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งว่าล่าสุด จ.ชัยภูมิ มีฝนตกลงมาในช่วงวันสองวันนี้ ก็ไม่ทันแล้วเพราะนาข้าวในหลายพื้นที่ขาดน้ำมานานยืนต้นตายได้รับความเสียหายรวมแล้วจำนวนมากในขณะนี้เกือบนับแสนไร่แล้ว
ซึ่งประชาชนในพื้นที่อยากให้รัฐบาลควรที่ควรจะมีมาตรการนโยบายเร่งด่วนออกมาในการช่วยแก้ปัญหา ภัยแล้ง-น้ำท่วม ในพื้นที่ทั่วประเทศและ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ที่เป็นจังหวัดของจุดต้นกำเนิดแม่น้ำชี ที่เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย และไหลไปผ่านจังหวัดต่างๆหล่อเลี้ยงชาวบ้านชาวนาทั่วภาคอีสาน(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)มาช้านานจนปัจจุบัน
ซึ่งหากพื้นที่ต้นกำเนิดแม่น้ำชีเกิดปัญหาภัยแล้งหนัก แล้วจะส่งผลกระทบยาวต่อไปทั่วภาคอีสานในปีนี้อีกด้วย ซึ่งทางรัฐบาลควรที่จะมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาเป็นวาระเร่งด่วนช่วยแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพอย่าชัดเจน ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย ที่จะนำไปสู่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ให้กับประชาชนในภาคอีสานต่อไปอย่างเป็นระบบทั้งหมดอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตด้วย