ผลสำรวจเผย! เด็กไทย เครียดเรื่องเรียน มากที่สุด ชี้ เกินครึ่ง กลัวเกรดไม่ดี
ผลสำรวจชี้ การเรียน เป็นสิ่งที่ทำให้เครียดมากที่สุด ของเด็กนักเรียนไทย โดยเกินครึ่งของนักเรียน ชี้ว่าเครียดเรื่องกลัวเกรดไม่ดี
จากกรณีสะเทือนขวัญที่นักเรียนชายชั้น ม.5 ใน จ.อุทัยธานี ก่อเหตุทำร้ายครูผู้สอนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงเพราะไม่พอใจที่ได้คะแนนสอบ 18 จาก 20 คะแนนเต็ม ได้จุดประกายให้สังคมหันมาสนใจปัญหาสุขภาพจิตของเด็กนักเรียนอย่างจริงจัง ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจสุขภาพจิตเด็กไทยล่าสุด ที่พบว่าแม้ “เรื่องการเรียน” จะเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่สร้างความเครียดให้แก่เด็ก ๆ แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงและรุนแรงที่สุดกลับเป็น “ปัญหาครอบครัว” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เด็กมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย และลงมือทำร้ายตัวเอง
ผลสำรวจจาก Rocket Media Lab ได้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้น ม.1 – ม.6 และ ปวช. ทั่วประเทศจำนวน 3,516 คน ระหว่างวันที่ 16-30 ก.ย. 2567 ซึ่งได้สะท้อนภาพความกดดันที่เยาวชนไทยกำลังเผชิญได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
เรื่องเรียน แชมป์ความเครียดอันดับหนึ่ง
ผลสำรวจชี้ชัดว่า “การเรียน” คือสิ่งที่สร้างความเครียดให้แก่นักเรียนมากที่สุด โดยมีนักเรียนถึง 1,809 คน หรือคิดเป็น 51.45% ที่เลือกหัวข้อนี้เป็นความเครียดอันดับหนึ่ง แซงหน้าเรื่องอื่นๆ อย่างขาดลอย และเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด พบว่าประเด็นที่สร้างความกดดันให้เด็กมากที่สุดคือ “กลัวเกรดไม่ดี” (40.19%) ตามมาด้วยกลัวสอบตก และกลัวสอบเข้าเรียนต่อไม่ได้ ซึ่งความเครียดจากการเรียนนี้ส่งผลกระทบโดยตรงทั้งทางร่างกาย (นอนไม่หลับ, เครียดลงกระเพาะ) และทางอารมณ์ (วิตกกังวล, ซึมเศร้า) มากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมด
ปัญหาครอบครัว แผลลึกที่นำไปสู่ความคิดทำร้ายตัวเอง
แม้เรื่องเรียนจะเป็นความเครียดที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ผลสำรวจกลับพบข้อมูลที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่า “ปัญหาครอบครัว” คือปัจจัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อจิตใจของเด็กในระดับที่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยในกลุ่มนักเรียนที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย (185 คน) พบว่ามีสาเหตุมาจากปัญหาครอบครัวสูงที่สุดถึง 74 คน นอกจากนี้ ปัญหาครอบครัวยังเป็นสาเหตุหลักของนักเรียนที่เคยลงมือทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น (18 คน) และมีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น (12 คน) อีกด้วย
เมื่อสำรวจถึงต้นตอของปัญหาครอบครัว พบว่าสิ่งที่สร้างความเครียดให้เด็กมากที่สุดคือ “ผู้ปกครองเข้มงวดกดดันมากเกินไป” (43.90%) ตามมาด้วยการที่ผู้ปกครองไม่สนับสนุนในสิ่งที่อยากเป็น และการทะเลาะเบาะแว้งของผู้ปกครอง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์และบรรยากาศภายในบ้านคือปัจจัยสำคัญที่สุดต่อสุขภาพจิตของเด็ก
เด็กอยากได้อะไร เมื่อความเครียดถาโถม
เมื่อถามถึงรูปแบบความช่วยเหลือที่ต้องการ สิ่งที่น่าสนใจคือ นักเรียนส่วนใหญ่ถึง 36.76% ตอบว่า “ไม่ต้องการ” ความช่วยเหลือใด ๆ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการไม่กล้าขอความช่วยเหลือหรือไม่ไว้วางใจในระบบที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ ได้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจน 3 อันดับแรก ได้แก่
- ต้องการครูแนะแนวที่ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง (22.92%)
- ต้องการมีนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน (13.15%)
- ต้องการมีช่องทางให้คำปรึกษาออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญ (12.72%)
จากเหตุการณ์ที่จังหวัดอุทัยธานีและผลสำรวจฉบับนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญที่ทุกภาคส่วนในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวและสถานศึกษา ต้องหันมาใส่ใจปัญหาสุขภาพจิตของเด็กนักเรียนอย่างจริงจังและเร่งด่วน การมองข้ามความเครียดของเด็ก ๆ หรือให้ความสำคัญกับเรื่องเกรดเฉลี่ยมากกว่าความรู้สึกของพวกเขา อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ในอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง