คริสติน คาบอต จากไวรัลคอนเสิร์ต Coldplay ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ระบุถูกคุกคาม-ขู่เอาชีวิตทั้งครอบครัวอยู่ตลอด
ถ้าหลายๆ คนยังจะพอจำกันได้กับไวรัลก่อนหน้านี้ที่ปรากฏภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนกอดกันในคอนเสิร์ต Coldplay ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบหลบออกไปจากกล้อง ซึ่งนำมาสู่การเปิดเผยความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลและซีอีโอบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งต่างคนต่างมีครอบครัวอยู่แล้ว
หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ลาออกจากบริษัท โดยล่าสุดนี้ คริสติน คาบอต (Kristin Cabot) หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกว่า แม้ว่าเรื่องจะจบไปแล้วแต่เธอยังคงโดนคุกคามอยู่ตลอด
การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ถือเป็นการออกมาพูดต่อสาธารณะครั้งแรกของเธอ หลังจากที่คลิปที่เธอยืนกอดกับแอนดี ไบรอน (Andy Byron) ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยี Astronomer ในคอนเสิร์ตถูกเผยแพร่และกลายเป็นไวรัล
คาบอต ในวัย 53 ปี เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ไบรอนยื่นจดหมายลาออก เธอพูดกับ The Times ว่า เธอกำลังหางานใหม่ แต่เธอก็ได้รับการปฏิเสธด้วยคำว่า ‘ไม่สามารถจ้างงานได้’
วิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ถูกดูและแชร์ไปหลายล้านครั้งและทำให้ทั้งคู่กลายเป็นมีมบนโซเชียล แม้ว่าผ่านไปไม่กี่วันหลายคนจะลืมเรื่องนี้ไป แต่คาบอตบอกว่าความทุกข์มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“ฉันกลายเป็นมีม ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ถูกใส่ร้ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์” คาบอตกล่าวกับ The Times
ในการให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับ The New York Times เธออธิบายว่าเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับไบรอนและคืนนั้นทั้งคู่ไม่ได้จูบกัน แม้ว่าเธอจะยอมรับว่าเคยแอบชอบเจ้านายของเธอก็ตาม
เธอบอกว่า เธอตัดสินใจผิดพลาด และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไป 2-3 แก้ว ก่อนจะเต้นและทำตัวไม่เหมาะสมกับเจ้านาย
เธอให้เหตุผลในการออกมาพูดในครั้งนี้ว่า “มันยังไม่จบสำหรับฉัน และมันยังไม่จบสำหรับลูกๆ ของฉัน การคุกคามไม่เคยจบลงเลย”
เธอเล่าว่า ลูกๆ ทั้งสองของเธอรู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะให้แม่ไปรับที่โรงเรียน หรือไปดูการแข่งขันกีฬา “พวกเขาโกรธฉัน และพวกเขาสามารถโกรธฉันไปตลอดชีวิต ฉันต้องยอมรับมัน”
นอกจากนี้เธอยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ไบรอนเองจะเผชิญกับการคุกคามในระดับที่เธอเผชิญอยู่นี้หรือไม่ “ฉันคิดว่าในฐานะผู้หญิงอย่างที่ผู้หญิงทุกคนเป็น ฉันเป็นฝ่ายที่ถูกดูหมิ่นมากที่สุด ผู้คนมักพูดว่าฉันเป็นพวกเห็นแก่เงินหรือใช้ร่างกายไต่เต้า ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย”
“ฉันพยายามอย่างหนักมาตลอดชีวิตเพื่อลบล้างเรื่องนั้น แต่สุดท้ายฉันกลับถูกกล่าวหาเสียเอง”
คาบอตบอกว่าเธอได้รับข้อความข่มขู่หลังจากเหตุการณ์นั้น รวมถึงคนที่ส่งข้อความมาหาเธอบอกว่าพวกเขารู้ว่าเธอจะไปซื้อของที่ไหน และขู่ว่าจะมาหาเธอ “ลูกๆ ของฉันกลัวว่าฉันจะตายและพวกเขาจะตายด้วย” โดยข้อความเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วมาจากผู้หญิงด้วยกัน
ข้อมูลส่วนตัวของเธอถูกนำไปเผยแพร่ทางออนไลน์ และเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่เธอถูกโทรก่อกวนมากถึง 600 สายต่อวัน อีกทั้งปาปารัซซี่ที่อยู่หน้าบ้านของเธอที่แห่กันมามากมาย และได้รับคำขู่ฆ่าถึง 50 หรือ 60 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว คาบอตและลูกๆ ได้เข้าหาผู้บำบัด และเธอก็เริ่มออกจากบ้านเพื่อไปเล่นเทนนิสแล้ว
อ้างอิงจาก