ความผิดหนักหนา
บุคคลระดับผู้นำติดโซเชียล ถ้าใช้งานผิด อันตรายครับ…
ดู “สมเด็จวุ้นเส้น” เป็นตัวอย่าง โพสต์ข้อความถี่ยิบ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน สุดท้ายสิ่งที่โพสต์ย้อนเข้าหาตัว มีความเท็จเป็นสาระสำคัญ
“โดนัลด์ ทรัมป์” อีกคนโพสต์จนนำไปสู่การก่อเหตุจลาจล ม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปภายในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อปี ๒๕๖๔
“ทักษิณ” นี่ก็ใช่โพสต์ด่าคนอื่น ไปๆ มาๆ เข้าตัว
“แพทองธาร” กำลังเจริญรอยตาม
ช่วงสามสี่วันมานี้โพสต์รัวๆ
กลางดึกวันที่ ๑๓ สิงหาคม โพสต์สตอรีในอินสตาแกรม
แชร์ข้อความระบุว่า
“Everything you do, comes back to you. Do good. Be good.”
แปลเป็นภาษาไทยว่า ทุกสิ่งที่คุณทำจะย้อนกลับมาหาคุณ จงทำดี จงเป็นคนดี
นอกจากนี้ยังแชร์ข้อความ
“IF YOU HAVE THE CHANCE TO MAKE PEOPLE HAPPY, JUST DO IT. SOMETIMES PEOPLE ARE STRUGGLING SILENTLY. MAYBE, YOUR ACT OF OF KINDNESS CAN MAKE THEIR DAY.”
แปลเป็นภาษาไทยว่า "หากคุณมีโอกาสทำให้คนอื่นมีความสุข ก็จงทำมัน บางครั้งคนอื่นก็กำลังดิ้นรนอย่างเงียบๆ และบางที การแสดงความเมตตาของคุณ อาจทำให้วันของพวกเขาดีขึ้นก็ได้"
และข้อความ "kindness is free"
แปลว่า ความเมตตา ไม่มีค่าใช้จ่าย
วันที่ ๑๗ สิงหาคม
โพสต์ไอจีสตอรี แชร์คำสอนของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
“…การได้รับกำลังใจ การได้รับกำลังใจเป็นเรื่องดี แต่การสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้เป็นเรื่องดีที่สุด…”
“…'สติ'เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราอยู่เหนือ 'ความชอบ-ชัง'ได้…”
ก็ไม่ได้จะแดกดันอะไรหรอกครับ เพียงแต่นึกถึงเหตุและผลที่ “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่แล้ว สิ่งที่โพสต์มันกลับหัวกลับหาง
น่าจะโพสต์สารภาพผิดมากกว่า!
๒๑ สิงหาคม วันเกิด “แพทองธาร” และวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีคลิปวุ้นเส้น เจ้าตัวบอกว่าจะไปศาลแน่นอน
ก็คงเป็นไปตามนั้นครับ อย่างน้อยดีกว่าไม่ไป
แต่คงช่วยอะไรได้ไม่มากเพราะ “อุ๊งอิ๊ง” คงไม่ชี้แจงกับศาลมากไปกว่าที่ยื่นคำให้การต่อศาลไปก่อนหน้านี้
ในเชิงกฎหมายยังไม่เห็นนะครับว่าจะมีใครฟันธงว่า “แพทองธาร” รอด
มีแต่ฟันฉับ! ว่า…ไม่รอด
เพราะเปรียบเทียบกับคดีของ “เศรษฐา ทวีสิน” แล้ว กรณีของ “แพทองธาร” อยู่ในข่ายละเมิดจริยธรรมร้ายแรงมากกว่า
แต่…นั่งทางในไปมาหลายตลบแล้วจะบอกว่าเบากว่าก็ได้ หนักกว่าก็ได้เช่นกัน
กรณีของ “เศรษฐา ทวีสิน” มีพฤติกรรมเกี่ยวโยงข้อกฎหมายชัดเจน คือการตั้งรัฐมนตรีที่ไม่มีคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี
เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ย้อนกลับไปดูคำวินิจฉัยอีกครั้งครับ…
“…การที่ผู้ถูกร้องที่ ๑ (เศรษฐา) รู้หรือควรรู้ถึงข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับพฤติการณ์ต่างๆ ของผู้ถูกร้องที่ ๒ (พิชิต ชื่นบาน) ดังกล่าวโดยตลอดแล้ว แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้ผู้ถูกร้องที่ ๒ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกร้องที่ ๑ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๔) ย่อมเป็นกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑
หมวด ๑ ข้อ ๘ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งข้อ ๒๗ วรรคหนึ่ง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด ๑ ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๕) ด้วย ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (๕ : ๔) วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ ๑ นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๔) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๕)
เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๗ วรรคหนึ่ง (๑) โดยให้นำมาตรา ๑๖๘ วรรคหนึ่ง (๑) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป
ทีนี้ไปดูคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๓๖ คนครับ
ขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบกับมาตรา ๑๖๐ (๔) (๕)"
ประเด็นของ “แพทองธาร” อยู่ที่ แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้ง คุณลุงประธานวุฒิสภากัมพูชาอยากได้อะไรจะจัดให้
ถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๒ มาตรา ๑๖๑ มาตรา ๑๖๔ (๑)(๔) และยังฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และมาตรา ๑๕๗ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อีกทั้งยังฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ปี ๒๕๖๑ ข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๘ ประกอบข้อ ๒๗ วรรคหนึ่งอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๖ ข้อ ๑๗ ข้อ ๑๙ ข้อ ๒๑ ประกอบกับข้อ ๒๗ วรรคสอง เพราะตามพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรี เจตนาและความร้ายแรงนี้เกิดจากการกระทำดังกล่าว กับ สมเด็จฯ ฮุน เซน ในสภาวะสงครามและเกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของไทยย่อมเป็นเรื่องร้ายแรง
เป็นไงครับเปรียบเทียบให้เห็นรายละเอียดแล้ว คดี “เศรษฐา” เหมือนเอาไม้ทุบหัวทีเดียวสลบ
แต่ของ “แพทองธาร” มาเป็นชุด จากทุกทิศทาง
คำพูดในคลิปนำไปสู่การตีความได้สารพัด
รวมทั้งความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
สาหัส!
ความผิดครั้งนี้หนักหนาทีเดียว.