สาวอินฟลูฯ เบื่ออาหารบนเครื่องบิน โชว์นวดแป้งทำพาสต้า ชาวเน็ตซัดไร้มารยาท
อินฟลูฯ สาวสายอาหาร โพสต์คลิปทำพาสต้าสดบนโต๊ะวางอาหารบนเครื่องบิน จนทัวร์ลงยับ ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ชี้ “สกปรก-ไร้สุขอนามัย-ไร้มารยาท”
กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนระอุในโลกออนไลน์ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์สาวสายอาหารชื่อ เคที (Katie) ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะกำลังทำพาสต้าสด “น็อกกี” (gnocchi) บนโต๊ะถาดอาหารของที่นั่งริมหน้าต่างบนเครื่องบินที่ความสูง 30,000 ฟุต ซึ่งแม้คลิปดังกล่าวจะกลายเป็นไวรัลด้วยยอดผู้ชมกว่า 5 ล้านครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจนทัวร์ลงยับ
ในคลิปวิดีโอซึ่งถูกโพสต์ลงบน TikTok เคทีได้บรรยายว่า “เมื่อคุณเกลียดอาหารบนเครื่องบิน คุณก็เลยทำมันด้วยตัวเองซะเลย” จากนั้นเธอก็ได้แสดงขั้นตอนการผสมแป้ง นวดแป้ง ตัด และขึ้นรูปแป้งดิบเป็นก้อนน็อกกีขนาดเล็กอย่างคล่องแคล่วบนโต๊ะที่นั่งของเธอ แต่แทนที่จะได้รับเสียงชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ การกระทำของเธอกลับจุดชนวนให้เกิดการถกเถียงเรื่องความสะอาดและมารยาทในที่สาธารณะอย่างรุนแรง
ชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงลบ โดยส่วนใหญ่มองว่าการกระทำของเคทีนั้นน่าขยะแขยง และไร้สุขอนามัยอย่างยิ่ง เนื่องจากโต๊ะถาดอาหารบนเครื่องบินถือเป็นหนึ่งในพื้นผิวที่สกปรกและเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากที่สุด หลายความเห็นยังได้อ้างอิงถึงคำเตือนของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ระบุว่าเครื่องบินเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคมากมาย
ความคิดเห็นที่น่าตกใจมาจากผู้ที่อ้างว่าเป็นอดีตพนักงานทำความสะอาดเครื่องบิน ซึ่งระบุว่า “พื้นถนนในลอสแอนเจลิสยังสะอาดกว่าทุกสิ่งที่คุณสัมผัสบนเครื่องบินเสียอีก” นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยโรคแพ้กลูเตน เข้ามาแสดงความกังวลว่า หากมีคนทำพาสต้าสดข้าง ๆ ตนเอง อาจเกิดอาการแพ้รุนแรงจากการปนเปื้อนของแป้งในอากาศได้
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องความสะอาดแล้ว ชาวเน็ตยังตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผลของการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเคทีสามารถทำได้เพียงเตรียมแป้งพาสต้าดิบ แต่ไม่สามารถนำไปต้มให้สุกบนเครื่องบินได้ ดังเช่นคอมเมนต์ที่ว่า “แล้วตอนนี้คุณก็ได้พาสต้าที่ยังไม่สุกมา แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ”
เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงถึงมารยาทในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกับผู้อื่น และการทำคอนเทนต์ที่อาจสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว โดยมีผู้แสดงความเห็นทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “มาช่วยกันสร้างมาตรฐานใหม่ ให้คนจำได้อีกครั้งว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่สาธารณะ”
ที่มา: NEW YORK POST
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง