นักวิทย์เคมบริดจ์ ทำนาย โลกถึงกาลอวสาน ใน 25 ปี ด้วยทฤษฎี ‘พายุสุริยะ’
ลูค เคมป์ นักวิจัยจากศูนย์ศึกษาความเสี่ยงฯ เผยอารยธรรมมนุษย์อาจล่มสลายภายในปี 2050 จากพายุสุริยะรุนแรง ที่มีโอกาสเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นถึง 20% ในทุกทศวรรษ
คำทำนายเรื่องวันสิ้นโลกถูกกล่าวถึงมานานหลายศตวรรษ แต่คำกล่าวอ้างล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อาจน่ากังวลกว่าครั้งไหนๆ เนื่องจากมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาสนับสนุน
ยูนิแลด รายงานว่า ลูค เคมป์ (Luke Kemp) นักวิจัยในสังกัดศูนย์ศึกษาความเสี่ยงด้านการดำรงอยู่ (Centre for the Study of Existential Risk) แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้อุทิศตนเพื่อศึกษาการล่มสลายของอารยธรรมในอดีต แล้วนำมาวิเคราะห์ถึงสิ่งอาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ในยุคปัจจุบัน เขาเชื่อว่าโลกอาจถึงจุดจบได้เร็วที่สุดในปี 2050 หรือในอีก 25 ปีข้างหน้า
เคมป์ให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ The Great Simplification ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งคืออาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอำนาจการตัดสินใจใช้งานอยู่ในมือของคนเพียงคนเดียวคือประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ประเด็นนี้กลับไม่เคยถูกนำมาเป็นปัจจัยในการเลือกตั้งเลย
เหตุผลหลักที่เคมป์เชื่อว่าโลกอาจล่มสลายในปี 2050 ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ แต่เป็นทฤษฎีที่เขาเรียกว่า ‘การสิ้นสุดด้วยตนเอง’ (self-terminating) ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า Goliath’s Curse: The History and Future of Societal Collapse
เคมป์อธิบายแนวคิดนี้ว่า “ขณะที่ชนชั้นนำกอบโกยความมั่งคั่งจากประชาชนและผืนดินมากขึ้น พวกเขาก็ทำให้สังคมเปราะบางลง นำไปสู่ความขัดแย้งภายใน การคอร์รัปชัน ความยากจนของมวลชน สุขภาพของผู้คนที่แย่ลง การขยายตัวเกินขอบเขต ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และการตัดสินใจที่ผิดพลาดของกลุ่มผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน”
สังคมที่เปราะบางนี้จะถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยภายนอก เช่น โรคระบาด สงคราม หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนนำไปสู่การล่มสลายในที่สุด
สำหรับปัจจัยที่จะเป็นตัวเร่งให้ทุกอย่างจบลงในปี 2050 เคมป์อ้างอิงถึง เหตุการณ์คาร์ริงตัน ปี 1859 ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยเปลวสุริยะแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดมหาศาลออกมา หากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะสามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าทั้งหมด ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ ระบบธนาคาร อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงดาวเทียม ซึ่งจะสร้างความโกลาหลไปทั่วโลก
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพิ่มขึ้น 20.3% ในทุกๆ 10 ปี และในปี 2050 โอกาสที่จะเกิดขึ้นจะสูงถึง 50%
ประมวลภาพ “แสงเหนือ” งดงามสีแปลกตา จาก “พายุสุริยะ” ปี 2024 ที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น
เคมป์ยังเขียนในหนังสือของเขาถึงการที่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีเตรียมรับมือกับหายนะ ด้วยการสร้าง “คฤหาสน์หลุมหลบภัยสุดหรู” ที่มีสระว่ายน้ำ ห้องเก็บไวน์ สวนจำลองพร้อมแสงอาทิตย์เทียม และฟาร์มไฮโดรโปนิกส์ใต้ดิน ตั้งแต่เท็กซัสไปจนถึงสาธารณรัฐเช็ก บางแห่งถึงกับมีการจ้างอดีตหน่วยซีล (SEALs) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถึง 12 นายเพื่อทำการอารักขา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง