โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เกมการเมืองร้อน! ปม MOU 43–44 ปะทุในสภา หลัง "ไชยา" สั่งปิดประชุมตัดญัตติด่วน

The Better

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER
สภาฯ วุ่น! “ไชยา” สั่งปิดประชุมกะทันหัน ทำญัตติด่วน ภท. ตั้ง กมธ. ยกเลิก MOU 43-44 ถูกพับ พปชร. - ภท.จี้รัฐบาลยกเลิก ชี้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา เสนอใช้กฎหมายสากลและหลักฐานประวัติศาสตร์ปกป้องอธิปไตย

บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปอย่างวุ่นวาย หลังจากนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สั่งปิดประชุมทันทีภายหลังเสร็จสิ้นการรับรายงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

การปิดประชุมอย่างกะทันหันครั้งนี้ ส่งผลให้ที่ประชุมไม่สามารถพิจารณาญัตติด่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 หรือที่เรียกว่า MOU 43-44 ได้

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกบางส่วนที่เห็นว่าการสั่งปิดประชุมโดยไม่เปิดโอกาสให้พิจารณาญัตติด่วน อาจกระทบต่อการทำงานของสภาฯ และประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ

พปชร. - ภท.จี้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543–2544 ชี้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา

ขณะที่ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่าต้นตอของความขัดแย้งมีรากเหง้ามาจากการทำสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในปี 1904 และ 1907 รวมถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งไม่สอดคล้องกับภูมิประเทศจริงและไม่เคยได้รับการรับรองจากฝ่ายสยาม แต่กลับถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบจนก่อให้เกิดข้อพิพาทด้านพรมแดนอย่างต่อเนื่อง

ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุว่า การทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ที่ยอมให้กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200000 เป็นเอกสารใช้ในการเจรจาเกี่ยวกับเขตแดนทางบก และ MOU ปี 2544 เกี่ยวกับเขตแดนทางทะเล ที่นำเส้นที่ละเมิดกฎหมายสากลของกัมพูชามาแสดงในแผนที่แนบท้ายโดยลากเส้นทะเลจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด มายังเกาะกูด ลากเลยเข้าไปกลางอ่าวไทย ซึ่งถือว่าละเมิดอธิปไตยของไทยและไม่สอดคล้องกับพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2516 ที่กำหนดแนวเขตทะเลไว้อย่างชัดเจน MOU ทั้งสองฉบับถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ เพราะยอมเปิดช่องให้กัมพูชาอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ชายแดนบนบกและทะเลอ่าวไทยโดยไม่ชอบธรรม อีกทั้งเอ็มโอยูทั้งสองฉบับไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับกัมพูชาจนถึงปัจจุบัน

พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนชัดเจนว่า ประเทศไทยควรยกเลิก MOU 2543 และ 2544 โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยเสียเปรียบอีกต่อไป พร้อมเสนอให้ใช้กฎหมายสากลระหว่างประเทศเท่านั้นเป็นกรอบการเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเล เช่นเดียวกับที่ไทยเคยดำเนินการกับเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย ส่วนกรณีเขตแดนทางบก ควรยึดตามแนวหน้าผาจากช่องบกถึงช่องสะงำและจากช่องสะงำถึงจังหวัดตราดใช้หลักเขตที่ 1–73 ที่สยามและฝรั่งเศสเคยทำไว้ และหากมีการเจรจาเขตแดนในอนาคต ควรนำสนธิสัญญาสันติภาพโตเกียว ซึ่งระบุว่าจังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณเป็นของสยาม มาใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประกอบการเจรจาด้วย

“พลังประชารัฐจะยืนหยัดปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินและประโยชน์สูงสุดของประชาชน” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวย้ำ

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ความว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีการหยิบยกข้อมูลที่เกี่ยวเนื่อง จาก MOU ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา มากล่าวถึงมากยิ่งขึ้นนับแต่มีการปะทะกัน และพบการเปิดเผยข้อมูลจากทางการไทยว่าทางฝั่งกัมพูขาได้ละเมิด MOU มากกว่า 600 ครั้ง
พรรคภูมิใจไทย ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ถึงแม้ในห้วงเวลาดังกล่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยดูแลพี่น้องประชาชน ตามศูนย์อพยพใน 4 จังหวัด (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี) มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์ในประเด็นดังกล่าวอยู่โดยตลอด โดยฝ่ายที่ต้องการยกเลิกมองว่า MOU ทั้งสองฉบับส่งผลกระทบต่อเขตแดน และปัจจุบัน ไทยกำลังเผชิญการรุกล้ำดินแดนอย่างชัดเจน ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการคงไว้ให้เหตุผลว่าจำเป็นเพื่อรักษา ช่องทางการเจรจาระหว่างประเทศ
โดยที่ MOU ปี 2543 เป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดทำ หลักเขตแดนทางบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชายังมีข้อพิพาทคาราคาซัง ส่วน MOU ปี 2544 เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตทางทะเลที่อุดมด้วยทรัพยากรมหาศาล โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า หากแม้ในอนาคตจะยกเลิก MOU ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ไทย และกัมพูชา ก็สามารถเจรจาทวิภาคีกันได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ เหมาะสมที่สุดที่สภาผู้แทนราษฎรควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก
โดยทางพรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการยกเลิกที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นมา พิจารณามีข้อมูลครบถ้วนแล้ว เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน และขั้นตอนสุดท้าย ควรฟังเสียงประชาชน โดยการจัดทำประชามติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งประเทศ
พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง พิจารณาสนับสนุนแนวทางการดำเนินการนี้ เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องของชาติบ้านเมือง อยู่เหนือการเมืองระหว่างพรรค อยู่เหนือการเมืองในประเทศ เรื่องของชาติบ้านเมืองคือการรวมใจ รักษาชาติสืบไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Better

"การฉ้อโกงของกัมพูชาไร้มนุษยธรรม!" แก๊งใหญ่ของไต้หวันสั่งสมาชิกห้ามยุ่งกับสแกมเมอร์เขมร "ที่โหดเหี้ยมอำมหิต"

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“นฤมล” ตั้ง “สหกรณ์กลาง” ลุยแก้ปัญหา “หนี้สินครู”

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทบ. โต้กัมพูชา! ยันฝ่ายไทยต่างหากควรเรียกร้อง หลังพบทหารเขมรละเมิดหยุดยิงต่อเนื่อง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปตท.คว้าอันดับ 1 ทำสถิติมูลค่าแบรนด์สูงสุดในไทย 5 ปีซ้อน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

"ภูมิธรรม" มอบทนายร้องทุกข์เอาผิด "วรงค์" ฐานหมิ่นประมาท ปมปราศรัยทำเสื่อมเสียชื่อเสียง

The Better

น้ำป่าซัดฝายแตกชาวบ้านเดือดร้อนหนักขาดน้ำกินใช้ทำประปาซ้ำซากมานานนับหลาย10ปี !

77kaoded

‘วิโรจน์’ ขอพ้นเก้าอี้ ประธาน กมธ.ทหาร เตรียมใจ 44 สส. ไม่รอดคดีแก้ 112

ไทยโพสต์

Thai opposition cries foul over lack of debate on MOUs with Cambodia

Thai PBS World

‘กัมพูชา’ เบี้ยวประชุมRBC ระดับเลขาฯ วงใหญ่พรุ่งนี้ส่อล่ม

เดลินิวส์

"คมสันต์" ชี้ "แพทองธาร" เตรียมตัวดีแต่อ่อนข้อกฎหมาย อาจส่งผลต่อครม.ในอนาคต

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม