รู้ลึก! การตรวจ FFR ตัวช่วยประเมินการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ
FFR (Fractional Flow Reserve) คือ การตรวจวัดความแตกต่างของแรงดันเลือดภายในหลอดเลือดหัวใจ เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของการตีบตันในหลอดเลือดหัวใจอย่างละเอียด การตรวจ FFR มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจว่าผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด (Balloon Angioplasty) หรือใส่ขดลวด (Stent) หรือไม่ การทำ FFR ทำร่วมกับการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ โดยการใส่สายวัดแรงดันขนาดเล็ก (Pressure Wire) ผ่านหลอดเลือดไปยังตำแหน่งที่มีการตีบเพื่อวัดแรงดันเลือดเปรียบเทียบกันระหว่างก่อนและหลังตำแหน่งที่ตีบ
วิธีบริหารแก้ปวดคอ จากการนอนตกหมอน นั่งผิดท่า ช่วยคลายกล้ามเนื้อ
สัญญาณ “โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน” อันตรายจากไลฟ์สไตล์ วิธีรักษาและป้องกัน
ทำไมการตรวจ FFR จึงสำคัญ?
แม้ว่าการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจจะสามารถเห็นหลอดเลือดที่ตีบได้ แต่บางครั้งระดับความตีบที่เห็นจากภาพอาจไม่สัมพันธ์กับความรุนแรงของอาการ การตรวจ FFR จะช่วยตอบคำถามสำคัญว่า
- ตำแหน่งตีบนั้นจำเป็นต้องรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหรือไม่
- การรักษาแบบใช้ยาอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่
- ลดความเสี่ยงของการรักษาที่ไม่จำเป็น เช่น การใส่ขดลวดในกรณีที่หลอดเลือดไม่ได้ตีบอย่างมีนัยสำคัญ
- ค่าปกติของ FFR คือ 1.0 หากวัดได้ต่ำกว่า 0.80 ถือว่ามีภาวะตีบตันที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือด และควรพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติม
ขั้นตอนการตรวจ FFR
- เริ่มจากการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจดูหลอดเลือด
- ใส่สายวัดแรงดัน (Pressure Wire) ไปยังหลอดเลือดหัวใจตำแหน่งที่มีรอยตีบ
- ให้ยาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดสูงสุด เช่น ยา Adenosine
- วัดแรงดันเลือด ก่อนและหลังตำแหน่งที่ตีบ
- คำนวณค่า FFR เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องรักษาหรือไม่
- การตรวจ FFR ใช้เวลาไม่นาน และผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้หลังการตรวจ
ข้อดีของการตรวจ FFR
- เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจรักษา
- ลดการใส่ขดลวดที่ไม่จำเป็น ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้ยากลุ่มละลายลิ่มเลือด
- ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
- พิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย และการเสียชีวิต
ใครควรได้รับการตรวจ FFR?
- ผู้ที่มีการตีบหลอดเลือดหัวใจระดับกลาง (50-70%) ที่ต้องพิจารณาว่าควรใส่ขดลวดหรือไม่
- ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกแต่ภาพฉีดสีหลอดเลือดหัวใจไม่สามารถบอกได้ชัดเจน
- ผู้ที่วางแผนขยายหลอดเลือดหัวใจ และต้องการประเมินความจำเป็นอย่างแม่นยำ
ความแตกต่างระหว่าง FFR กับการตรวจหลอดเลือดหัวใจแบบอื่น
ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Angiography)
- ข้อดี เห็นภาพหลอดเลือดแบบเรียลไทม์
- ข้อเสีย ประเมินผลกระทบต่อการไหลเวียนเลือดไม่ได้ชัดเจน
FFR (Fractional Flow Reserve)
- ข้อดี ประเมินผลกระทบจริงต่อการไหลเวียนเลือด แม่นยำสูง
- ข้อเสีย ต้องใช้ยา และสายวัดแรงดันพิเศษ
การตรวจวัดความดันหลอดเลือดหัวใจจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยลดการรักษาที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ หากคุณหรือคนที่คุณรักมีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ การพูดคุยกับแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับการตรวจ FFR เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยวางแผนการรักษาได้อย่างดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2